เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 68 ที่เทศบาลตำบลนาด้วง อ.นาด้วง จ.เลย พ.ต.อ.ธนัชชม์ เก่งกสิกิจ ผกก. 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ลงพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาด้วง รับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านบ้านนาด้วง กว่า 30 คน เรื่อง เทศบาลตำบลนาด้วง ได้การบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ "ภูน้อย" และรุกล้ำถมดินใน"ลำหัวยพะเนียง" โดยยังไม่ได้อนุญาตจากหน่วยงานใด

โดยหนังสือบางตอนได้อ้างว่า จากการบุกรุกเข้าใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์"ภูน้อย" อันเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ผืนเดียวของของหมู่บ้านที่ประชาชนใช้ประโยชน์ ร่วมกันตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย แต่ปัจจุบันตั้งแต่ได้มีการจัดตั้งเทศบาลนาด้วง ที่ดินสาธารณะประโยชน์แปลงนี้ ถูกเทศบาลตำบลนาด้วงบุกรุกเข้าใช้เป็นที่ทำการ และประโยชน์อื่นของทางเทศบาล โดยไม่ได้รับอนุญาตทั้งแปลง โดยไม่เหลือพื้นที่ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งที่ดินแปลงนี้เป็นภูเขา เป็นป่าปัจจุบันเทศบาลได้ตัดโค่นและตัดดินออกเพื่อใช้พื้นที่ จนไม่มีพืชคลุมดินไม่เหลือสภาพเวลาฝนตกหนักน้ำจาก "ภูน้อย" จะไหลหลากลงมาท่วมบ้านเรือนประชาชน ที่ตั้งอยู่รอบที่ดินสาธารณะประโยชน์ทำให้บ้านเรือนและเทือกสวนไร่นาของประชาชน ได้รับความเสียหาย และเทศบาลตำบลนาด้วงยังได้รุกลำน้ำ ห้วยพะเนียง ลำน้ำสาธารณะประโยชน์ของตำบล อีกด้วย

หลังจากรับหนังสือร้องเรียน พ.ต.อ.ธนัชชม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 ได้เข้าทำการสอบสวนทันที กรณีเทศบาลนาด้วง ได้บุกรุกสร้างสำนักงาน ในที่ป่า โดยมีนายสมศักดิ์ แสงเจริญรัตน์ อดีต สส.เลย เป็นตัวแทนชาวบ้านมาให้ปากคำ

ในเรื่องนี้ นายพงศ์ปวุติ กำวัน นายกเทศบาลตำบลนาด้วง ได้เผยว่า เทศบาลตำบลนาด้วง ได้ขอใช้พื้นที่ป่าภูน้อย และขอถอดถอนสภาพป่าที่เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ภูน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2547 ในปี 2564 ขอใช้ที่ดังกล่าวในเนื้อที่ 54 ไร่ 3 งาน 18 ตารางวา เพื่อสร้างสำนักงาน ซึ่งได้ทำตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 63 กรณีที่มีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าก่อนได้รับอนุญาต และทางเทศบาลตำบลนาด้วง มีความประสงค์ที่จะใช้และขอถอนสภาพในคราวเดียวกัน บนที่ดินสาธารณะประโยชน์แปลงภูน้อย ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน และอาคารให้บริการอื่นๆ ขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด และรอการพิจารณาของจังหวัด

จากปัญหานี้ ทราบว่าเบื้องต้นทราบว่ามีข้อพิพากกับเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการฟ้องร้องกันอยู่ และล่าสุดตามมติของ ครม. เมื่อวันที่ 25 ก.พ.68 หากหน่วยงานของอนุญาตใช้ที่ดินสาธารณะก่อนสามารถใช้ที่ดินนั้นได้ก่อนเลย แต่เรื่องครั้งนี้ที่มีข้อพิพากกันอยู่ตนพึงมาใหม่ พึงเข้ามาบริการได้เพียง 7 เดือน เรื่องดังกล่าวนี้ตนจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และเป็นเรื่องดี ที่กองกำกับ 3 ลงมาสอบสวนเอง และลงรังวัดในพื้นที่ เรื่องดังกล่าวก็ได้แจ้งกระจ่าง ว่าใครถูกหรือใครผิด ซึ่งคารังคาชังมาหลายปีหลายแล้วจะได้จบกันด้วยดี