วันที่ 9 มกราคม 63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายเอกชัย สุขสี อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/2 ม.7 ต.ลำเหย อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ว่ากระเป๋าเดินทางของตนเองที่ได้ทำการส่งให้สายการบินแห่งหนึ่งทำการโหลดไว้ใต้เครื่องเพื่อเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ลืมกระเป๋าสะพายไว้ภายในมีสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท และพระเครื่องเลี่ยมทอง 3 องค์ ได้หายไป โดยได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบและได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแต่สุดเสียความรู้สึกไม่คิดว่าประเป๋าจะถูกรื้อค้นเอาทรัพย์สินไป 

 

นายเอกชัย สุขสี อายุ 44 ปี เล่าว่า ตนเองเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยได้ซื้อกระเป๋าเดินทางกลับมาด้วย และได้มาพักที่บ้านนครปฐม 3 วัน ก่อนที่วันนี้จะเดินทางกลับไปที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อทำงาน โดยได้ทำการจองตั๋วเครื่องบินจากสายการบินไทย ไลอ้อนแอร์ ขึ้นที่ สนามบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ Sl 760 เวลาออกเดินทาง 16.15 น. โดยเวลาประมาณ 15.30 น. ได้นำกระเป๋าขนาด 29 นิ้วสีน้ำเงิน ซึ่งใส่เสื้อผ้า และได้นำกระเป๋าสะพายข้างยี่ห้อ โค้ช สีน้ำเงินเทาลายพรางใส่ลงไปด้วย ซึ่งภายในมีการถอดสร้อยคอกะลาตาเดียว มีลวดลายเป็นทองคำ น้ำหนัก 1 บาท และได้ห้อยพระเลี่ยมทองคำ จำนวน 3 องค์ ประกอบด้วย 1. เหรียญเต่า หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง 2.เหรียญเสมา หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม 3.เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน รวมทั้งหมดมูลค่าไม่น้อยกว่า 5 หมื่นบาท 

 

นายเอกชัย เล่าอีกว่า ซึ่งหลังจากตนเองได้โหลดกระเป๋าลงไปให้เจ้าหน้าที่สายการบินที่สนามบินดอนเมืองแล้ว แต่เมื่อมานั่งขึ้นเครื่องก็นึกขึ้นได้ว่าได้ลืมสร้อยคอเอาไว้ ซึ่งเริ่มไม่แน่ใจว่าจะสูญหายหรือไม่เพราะเคยได้ยินข่าวมาว่าที่ สนามบินภูเก็ตนั้นมีกระเป๋าหายหลายครั้งจากคำบอกเล่าจากเพื่อนๆ ที่เดินทางมาบ่อยๆ กระทั่งเวลา 17.30 น.เมื่อเครื่องงงถึงพื้นก็ได้รีบไปรอรับกระเป๋าที่สายพาน โดยเมื่อได้รับก็ได้ทำการเปิดตรวจสอบตรงนั้นทันทีเพื่อที่จะเอาสร้อยคอดังกล่าวมาสวมไว้ที่คอแต่ปรากฏว่าเมื่อกำลังจะเปิดกระเป๋าเดินทางก็รู้สึกไม่ดี เพราะกระเป๋าเดินทางที่เพิ่งซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่นยังไม่ได้ทำการเปลี่ยนรหัส เพราะยังไม่ได้ศึกษาวิธีการ แต่ได้กดล๊อคตามปกติ เดิมทีมีตัวเลขจากโรงงานคือ 000 แต่เมื่อจะเปิดออกกลับพบว่าตัวเลขได้เปลี่ยนไป จึงได้ปรับกลับมาเป็นเลขเดิมและเปิดออกดูก็พบว่า ภายในกระเป๋าถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย ส่วนกระเป๋าสะพายซิปที่รูดปิดไว้ได้เปิดออกเมื่อล้วงเข้าไปก็พบว่าสร้อยคอพระพร้อมพระเลี่ยมทองคำทั้ง 3 องค์ได้สูญหายไปแล้ว 

 

นายเอกชัย เล่าต่อว่า ทันทีที่รู้ว่าของหายได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ของสายการบินให้รับทราบทันทีที่หน้าสายพาน โดยได้รับคำแนะนำให้ไปแจ้งความ ซึ่งตนเองก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ตและนำเอกสารการแจ้งความมาส่งให้ที่สำนักงานสายการบิน ไทย ไลอ้อนแอร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าจะแจ้งให้หัวหน้าหน่วยได้รับทราบและจะมีการดำเนินการเริ่มการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันจันทร์ และจะมีการทราบผลไม่เกิน 30 วัน ซึ่งจะมีการตรวจสอบว่าสูญหายที่ สนามบินดอนเมืองหรือสนามบินนานาชาติภูเก็ต โดยตนเองเพิ่งเคยมาเจอกับเหตุการณ์นี้เมื่อก่อนเพียงได้ยินว่ามีการพูดให้ฟังกันไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง และเชื่อว่าต้องมีการกระทำเป็นขบวนการ โดยอยากจะฝากให้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนที่จะเดินทางโดยเครื่องบินที่มีการใส่ของมีค่าไว้ในกระเป๋าเดินทางที่จะต้องโหลดลงใต้เครื่องบิน และจะขอฝากทวงถามไปยังสายการบินดังกล่าวว่า ระยะเวลาการดำเนินการจะช้าไปหรือไม่ เพราะหากการรอคิวเพื่อดำเนินการนานเกินไปอาจจะทำให้คนร้ายได้ของจากผู้โดยสารอีกหลายราย