วันที่ 15 ม.ค.64 นายไกรศร  วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึงมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ต้องการสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนมี 3 เรื่อง คือเรื่องที่ 1 การปิดสถานบริการ โรงเรียน ตลาดเฉพาะกิจ  ขณะได้ได้ตั้งคณะกรรมการลงไปประเมินแล้ว เพื่อเสนอให้คณะกรรมการควบคุมโรคพิจารณาในสัปดาห์หน้า ถ้าสถานการณ์ภายในอยู่ในระดับปัจจุบัน คือไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม เมื่อครบ 14 วัน ก็จะสามารถผ่อนคลายได้ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกด้วยว่า มีคลัสเตอร์(Cluster)หรือไทม์ไลน์(Timeline) ใหม่ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับจังหวัดนครศรีธรรมราชหรือไม่ ถ้าไม่มีก็สามารถผ่อนคลายได้  

 

เรื่องที่ 2 การเดินทางข้ามจังหวัด แบ่งบุคคลเป็น 2 ประเภท คือคนที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 23 จังหวัดและพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด  รวมเป็น 28 จังหวัด และประเภทที่ 2 ไม่ใช่ 28 จังหวัด เป็นบุคคลทั่วไปต้องทำ 4 ขั้นตอน คือ วัดอุณหภูมิ บอกที่ไปที่มา โหลดแอปฯหมอชนะ และเจ้าหน้าที่ประจุดตรวจบันทึกข้อมูลไว้ ส่วนบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด มีสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือต้องมีหนังสือรับรองความจำเป็นในการเดินทาง เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าถ้าอยู่ใน 28 จังหวัดแล้วเดินทางไม่ได้ ถ้ามีเหตุจำเป็นก็ต้องมีหนังสือรับรอง โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. ผู้ขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์และการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น อาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น 2.ผู้ปฏิบัติงานในกิจการ/กิจกรรมเพื่อประโยชน์ด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การสื่อสารคมนาคม การก่อสร้าง การซ่อมบำรุงต่าง ๆ 3 ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การศึกษา การขนส่งประชาชน เป็นต้น  และ 4. เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ และบุคคลที่มีความจำเป็นต้องติดต่อราชการ 

 

ส่วนสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือมาตรการของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ กัมพูชา เมียนมา และลาว การดูแลแรงงานต่างด้าวให้อยู่ได้ 3 ที่ คือ 1.สถานประกอบการ ที่พักที่เป็นเอกเทศ และการเดินทางระหว่างที่พักไปยังสถานประกอบการ ใครจะเดินทางข้ามเขตจังหวัด ข้ามเขตอำเภอนอกเหนือจากที่ที่กำหนดไว้ถือว่ามีความผิด แม้ว่าแรงงานนั้นจะเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่ถ้าเป็นแรงงานผิดกฎหมายเดินทางข้ามเขตเข้ามาเมื่อมีการจับกุมจะสอบสวนขยายผลให้ถึงต้นตอว่าใครเป็นนายหน้า เอาไปให้ใคร สามารถจับกุมได้แล้วใน 3-4 อำเภอ   

 

อย่างไรก็ตามขอสื่อไปถึงผู้ประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวว่าไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวความผิดถ้าเขาอยู่ในที่ที่กำหนดหรือการเคลื่อนย้ายจากไซต์งานไปที่พักหรือจากที่พักไปไซต์งานสามารถทำได้ตามปกติ แต่ถ้าพยายามฝ่าด่านเข้ามาโดยไม่จุดหมายเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการ ส่วนเรื่องที่ 3 กิจกรรมที่สร้างความเข้มแข็ง ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกัน โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกวิธีและทำอย่างไรให้หน้ากากอนามัยที่เราใช้มีความปลอดภัยจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะยกระดับลงไปดูแลพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น แต่ที่สำคัญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำนอกจากพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ตอนในของชายแดนแล้ว อย่างเช่นนครศรีธรรมราช แม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชายแดน แต่ต้องมีมาตรการค้นหาในพื้นที่หมู่บ้านและชุมชน 

 

ฉะนั้นนอกจากการตั้งด่านแล้ว ยังต้องมีความเข้มการค้นหาผู้ที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้านและชุมชนด้วย ถ้าพบคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง หรือเป็นแรงงานต่างด้าว หรือพบผู้ป่วยก็ต้องคัดกรองตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค เป็นการทำงานเชิงรุกไม่ใช่นั่งรอให้เขามา มีเป้าหมายสวอปเชื้อวันละประมาณ 130-150 ราย อย่างไรก็ตามการป้องกันโรค หรือควบคุมโรคโดยพี่น้องประชาชนเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นวันนี้การป้องกันโดยที่เรามีมาตรการดูแลตัวเอง และรับผิดชอบต่อสังคมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด