หลังจากที่เกษตรกรของไทยต้องเผชิญกับวิกฤต “โรคลัมปี สกิน” ที่ระบาดในโคเนื้อและโคนม จนต้องประกาศให้เป็นพื้นที่เขตโรคระบาด ทั้งภาคกลาง อีสาน เหนือ ใต้ และภาคตะวันตก รวม 35 จังหวัด  โดยพื้นที่ จ.ราชบุรี เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีการเลี้ยงโคมากกว่า 1 แสนตัว ทั้งโคเนื้อและโคนม รวมไปถึงเลี้ยงโคประเภทสวยงาม

 

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 นายนิสันต์ ง่วนสำอางค์  กำนันตำบลท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี  ได้พาผู้สื่อข่าวเดินชมวัวสวยงามภายในในฟาร์มที่เลี้ยงไว้ ที่มีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท  โดยได้มีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าเชื้อภายในฟาร์มวัวสวยงาม เพื่อป้องกัน “โรคลัมปี สกิน” ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

 

 

นายนิสันต์ ง่วนสำอางค์  กำนันตำบลท่าผา เปิดเผยว่า  ที่ผ่านมา แม้ตนจะมีบทบาทหน้าที่เป็นกำนันใน ต.ท่าผา แต่อีกบาทบาทหนึ่ง คือ การเป็นเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ เพื่อการบริโภคมาแล้วกว่า 20 ปี ต่อมาจึงได้ผันตัวมาเลี้ยงโคประเภทสวยงาม สายพันธุ์อเมริกันบราห์มัน ทั้งเพื่อผลิตลูกวัวจำหน่าย และการประกวด

 

แม้ขณะนี้โคในฟาร์มจะยังไม่ติดโรค แต่ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากมูลค่าของโคสวยงามนั้น มีราคาสูงมาก จึงทำได้แค่การดูแลป้องกัน ตั้งแต่การพ่นยาฆ่าเชื้อในช่วงเช้า และยาไล่แมลงพาหะในช่วงเย็นของทุกวัน  ตลอดจนการให้น้ำและอาหาร ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาในส่วนนี้สูงถึง 10,000 บาทต่อเดือน แต่ก็ต้องยอม ด้วยเพราะโคสวยงาม จะคล้ายกับการประกวดนางงาม หากรูปร่างไม่ดี ผิวไม่สวย ราคาก็ตก จากโคราคาหลักล้านอาจเหลือเพียงราคาหลักหมื่นได้ในชั่วข้ามคืน  หากมีบาดแผล หรือขาเจ็บ โดยเฉพาะในแม่โคที่กำลังให้ลูก ก็จะทำให้แม่แท้งลูกได้ ซึ่งในขณะนี้ ทางฟาร์มมีพ่อแม่พันธุ์โคอยู่จำนวน 30 ตัว มูลค่าตั้งแต่ 3 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาทต่อตัว หากเกิดโรคระบาดทั้งฟาร์ม จะเกิดความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

 

 

นายนิสันต์ กล่าวต่อว่า ในส่วนบทบาทหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นด่านหน้าของภาครัฐ ตนได้ลงพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.บ้านโป่ง เพื่อพ่นยาฆ่าเชื้อและยาฆ่าแมลง ตลอดจนการแนะนำให้ความรู้ และมาตรการป้องกันโรคในเบื้องต้นให้กับเกษตรกร ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานปศุสัตว์ อ.บ้านโป่ง พบว่าในพื้นที่ ต.ท่าผา มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ จำนวน 79 ราย มีโคเนื้อทั้งหมด 828 ตัว และมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม จำนวน 20 ราย มีโคนมทั้งหมด 720 ตัว จากการสำรวจยังไม่มีโคในพื้นที่ติดโรค อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ทราบข่าวว่า ภาครัฐได้สั่งนำเข้าวัคซีน LSDV จากประเทศแอฟริกาใต้ เบื้องต้นจำนวน 60,000 โดส เพื่อแก้ไขปัญหาโรคดังกล่าว ทำให้เกษตรกรรู้สึกมีความหวัง แต่ก็ยังมีความกังวลใจ เพราะไม่รู้ว่าวัคซีนจะถึงมือเกษตรกรในพื้นที่เมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่ช่วยเหลือตัวเองไปก่อน  กำนันตำบลท่าผา กล่าวตอนท้าย