วันเสาร์ ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568 14:10 น.

ภูมิภาค

เซ่นคลิปฉาว! "หลวงพี่ย้อย" ร่ำโดนไล่พ้นวัด เหตุออกมาเปิดโปงทำวัดเสื่อมเสีย

วันศุกร์ ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565, 20.33 น.
จากกรณีที่มีการส่งคลิปเสียงและข้อความไลน์การพูดคุยตกลงกันระหว่างหญิงสาวคนหนึ่งให้กับสื่อมวลชนทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น นอกจากนี้ยังระบุว่าส่งให้กับ “หมอปลา”แล้วด้วย โดยเป็นคลิปเสียงความยาว 20.22 นาทีพร้อมข้อความที่พูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ผู้หญิงเรียกตัวเองว่า “ตอง” กับผู้ชายที่น้ำเสียงคล้ายพระภิกษุที่เป็นพระนักเทศน์หนุ่มที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ เพราะมีสไตล์การเทศน์ที่แทรกความตลกขบขัน ถูกใจวัยรุ่น และโด่งดังมากในโลกออนไลน์ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา  ในคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นการพูดคุยกันระหว่างพระภิกษุรูปหนึ่งกับสีกาสาว โดยสีกาได้ถามหลวงพี่รูปดังกล่าวว่าการมีเพศสัมพันธ์กันในรถเมื่อคืนก่อนบาปหรือไม่ ในขณะที่หลวงพี่อ้างว่าไม่บาป สีกาสาวถามย้ำด้วยความสงสัยว่า ทำไม่ไม่บาป หลวงพี่ตอบว่าอยู่ที่เจตตนา เรามีเจตนาที่ดีจึงไม่บาป  ในขณะที่พระพงศกร ปภัสสโร หรือ “หลวงพี่กาโตะ” รักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้ออกมาปฏิเสธผ่านสื่อมวลชนว่าคลิปเสียงดังกล่าวไม่ได้เป็นเสียงของตนและยืนยันว่าตนเองไม่รู้จักกับผู้หญิงคนดังกล่าวแต่อย่างใดเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อหวังผลประโยชน์และมีการทำกันเป็นขบวนการ จนกลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ตามที่เสนอข่าวไปตามลำดับแล้วนั้น
 
วันที่ 29 เม.ย.ทางด้านพระครูสิริธรรมาภิรัต (ธรรมรัต อริยธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุต) ได้ประชุมคณะกรรมการที่ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ที่ศรีพิบลย์ ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และมีรายงานว่าในขณะนี้ได้มีการติดตามข้อมูลในเชิงลึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน มีหลายประเด็นที่ต้องจับตา ทั้งเรื่องการจัดการภายในวัด การจัดการเงินรายได้ของวัด ความขัดแย้งบางอย่างที่เป็นชนวนการจัดการ จึงมีการปล่อยข้อมูลอย่างเป็นระบบ  ซึ่งพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ทราบกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว
 
ก่อนหน้านี้ที่วัดศรรทวี ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทางด้านพระครูสิริธรรมาภิรัต เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุติ) ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการรอตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง ทราบว่ามีคลิปและหลักฐานการโอนเงินทยอยออกมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จะจริงเท็จประการใดคงไม่มีใครระบุชัดเจนได้ แต่คนที่รู้ดีที่สุดคือพระกาโตะว่าทำผิดจริงหรือไม่ หากผิดจริงก็ขอให้มีสำนึกในความผิดและสึกออกจากความเป็นพระเรื่องก็จะจบลงได้โดยปริยาย  โดยหากทำผิดจริงต้องปาราชิกเหมือนโทษประหารชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องทำพิธีสึก เพราะขาดจากความเป็นพระไปตั้งแต่เสพเมถุนแล้ว  อย่างไรก็ตามก็ต้องให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย เพียงแต่หากรอกระบวนการตรวจสอบทางคณะสงฆ์จำเป็นจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะสรุปผลการสอบสวนที่ชัดเจนได้
 
ส่วนที่วัดหน้าพระลาน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในขณะที่ทีมข่าวทีวีช่องยักษ์ใหญ่ส่วนกลางกำลังสัมภาษณ์หลวงพี่ย้อย พระลูกวัดที่ออกมาร่วมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้และเรียกร้องให้พระเจ้าของเสียงในคลิปสึกออกจากความเป็นพระเพื่อไม่ให้พระศาสนาเสื่อมเสีย ได้ถูก “พระครูกาแก้ว เจ้าอาวาสวัดหน้าพระลาน เดินเข้ามาแจ้งต่อหน้าสื่อส่วนกลางขอให้หลวงพี่ย้อยออกจากวัดกลับไปจำพรรษาที่วัดต้นสังกัด ใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากทำให้วัดหน้าพระลานได้รับผลกระทบเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะถูกคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่มองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดกระแสการนำเสนอข่าวพระนักเทศน์เสพเมถุนกับสีกาในรถยนต์อย่างต่อเนื่อง
 
“หลวงพี่ย้อย”ถึงกับร้องห่มร้องให้เป็นที่น่าเวทนาด้วยความน้อยใจ  ก่อนกล่าวว่าเพราะตนเองออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา โดยเรียกร้องให้เจ้าของเสียงในคลิปที่เสพเมถุนกับสีกาสึกจากพระ เพราะต้องปาราชิกหนักกลับจ้องมารับเคราะห์โดนขับไล่ออกจากวัดเสียเอง ในขณะที่พระที่ทำผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นปาราชิกกลับยังลอยนวล ในสังคมและในคณะสงฆ์ไม่มีความยุติธรรมเหมือนกำลังปกป้องคนผิด อาตมายังไม่รู้ว่าจะไปจำพรรษาวัดไหนเพราะไปวัดไหนหากพระผู้ใหญ่เบื้องบนกดดันลงมาใครก็อาจจะไม่กล้ารับ อาตมาไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะอาตมา จึงคิดว่าอาจจะกราบลาสึกจากพระและออกมาต่อสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุด”
 
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาสื่อมวลชขนทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่นได้เดินทางยังวัดหน้าพระลานเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พระครูกาแก้ว ติดภาระกิจนอกวัด จึงปักหลักรอกันนาน 1 ชม. จนพระครูกาแก้วกลับมาถึงวัด หลวงพี่ย้อย ได้ร้องห่มร้องให้เข้าไปกราบลาพระครูกาแก้ว และอธิบายเรื่องราวว่าไม่ได้ทำให้วัดเสียหาย แต่จำเป็นต้องออกมาเรียกร้องในเรื่องนี้เพื่อปกป้องกระพุทธศาสนา พระภิกษุที่ต้องปราชิกไม่ควรจะอยู่ในผ้าเหลือง พร้อมอธิบายเรื่องวราวความเป็นมาเป็นไปอย่างละเอยดจนพระครูกาแก้วเข้าใจและใจอ่อนให้หลวงพี่ย้อยจำพรรษาที่วัดหน้าพระลานต่อไป แต่ขอให้ทางต้นสังกัดทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดเรื่องราวมาถึงเจ้าอาวาสวัดหน้าพระลานอย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันว่าข้อมูลเรื่องราวเกิดขึ้นพระในคลิปที่เสพเมถุนกับสีกาเป็นต้นเหตุที่แท้จริงไม่ใช่หลวงพี่ย้อย แต่สาวที่อ้างว่าป่วยโรคไบโพลาร์ที่เสพเมถุนกับหลวงพี่นักเทศน์เป็นต้นตอของเรื่องเรื่องขึ้นและสาวคนดังกล่าวเป็นคนส่งคลิปเสียง ข้อความไลน์การโอนเงินร้องเรียนสื่อมวลชน หมอปลาและหลวงพี่ย้อยเพื่อขอความให้ช่วยเหลือ ข้อมูลทั้งหมดสื่อมวลชนได้รับมาจากสาวคนที่เสพเมถุนกับหลวงพี่นักเทศน์โดยตรง   เมื่อสื่อพร้อมใจกันนำเสนอข่าวออกไป ทางหลวงพี่ย้อยเพียงแต่ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมและเรียกร้องว่าหากเป็นเสียงของหลวงพี่นักเทศน์คนในคลิปจริง ขอให้สึกจากพระเพื่อเห็นแก่พระพุทธศาสนาเท่านั้น.

หน้าแรก » ภูมิภาค