วันที่ 11 พ.ค. 65 เจ้าหน้าที่ศรชล.ภาค 3  นำโดยนาวาเอกปราชญ์ธรไชย ทองรักษ์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและการข่าว  พร้อมด้วยนายวัฒนะชัย เพชรฐิติวัฒน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จ.ภูเก็ต , นายวินัย สามสี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ ชุมชนซอยมะขามคู่ หมู่ที่ 1 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต หลังมีชาวชุมชน ร้องเรียนว่า มีการรุกล้ำพื้นที่ป่าชายเลนในชุมชนซอยมะขามคู่ หมู่ 1 ตำบลวิชิต อ.เมืองภูเก็ต บริเวณหลังร้านสะดวกซื้อสาขาหมู่บ้านภูเก็ตบ้านสบายลึกเข้าไปยังในซอยมะขามคู่ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าชายเลนมีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะให้คนส่วนรวมได้มีพื้นที่ทำกินและใช้ประโยชน์ แต่ได้มีกลุ่มคนหรือบุคคลบางกลุ่มนำไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์การใช้ร่วมกันในชุมชนเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้สิ่งแวดล้อมสูญเสียไป ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องทำให้ได้รับความเสียหาย จึงขอร้องเรียนเรื่องดังกล่าวถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นและลุกลามได้อีกในอนาคต

 

จากการตรวจพื้นที่ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ในโครงการจัดที่อยู่อาศัยให้กับชุมชนมะขามคู่ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย และอยู่ระหว่างกาอนุญาตของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้จังหวัดภูเก็ตใช้พื้นที่เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการอนุญาตให้พื้นที่ทั้งแปลง เนื้อที่ประมาณ 40ไร่เศษ มีชาวบ้านอยู่อาศัยแล้ว ประมาณ 100 ราย โดยมีการจัดทำเขตป่าชายเลนอนุรักษ์ตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งแยกส่วนชัดเจระหว่างพื้นที่อนุรักษ์ กับพื้นที่สำหรับจัดการเรื่องของที่อยู่อาศัยตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้มีการสำรวจร่วมกับชุมชน และท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว ส่วนการร้องเรียนที่เกิดขึ้นต้องให้ชุมชนและท้องถิ่นได้มีการประชุมชี้แจงทำความใจกัน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ และต้องไม่มีการทำลายป่าชายเลน

 

นาวาเอกปราชญ์ธรไชย กล่าวถึงการลงพื้นที่ว่าเนื่องจากเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ศรชล.ภาค 3 ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนในพื้นที่ดังกล่าว และไม่สามารถเข้าไปทำมาหากินในพื้นที่ป่าชายเลนชุมชนมะขามคู่ได้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง  ซึ่งพบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีชาวบ้านในชุมชนบางคนเข้าไปทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แต่ปรากฎว่า มีบางคนในชุมชน และคนจากนอกชุมชนไม่ทราบ และเข้าไปจับสัตว์น้ำที่มีการเพาะเลี้ยงไว้ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนไปหารือร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าชายเลนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ทำลายป่าชายเลน