วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568 11:52 น.

ภูมิภาค

"อัญชลี" ลูกสาวปางช้างแม่สา เร่งเคลียร์ปมขัดแย้งจัดการมรดกพ่อเลี้ยยงชูชาติ

วันจันทร์ ที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2565, 20.09 น.
เรื่องราวการฟ้องร้องปมทรัย์สินมรดก 1,000 ล้านบาท กลายเป็นข่าวที่สังคมชาวเชียงใหม่ให้ความสนใจติดตามข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บุตรสาวพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ศาลมีคำสั่งให้คดีผู้จัดการมรดกสิ้นสุดลงและให้ร่วมกันจัดการทรัพย์สินของนายชูชาติ กัลมาพิจิตรบิดานางอัญชลี ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา ร่วมกับนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร อดีตภรรยาคนสุดท้ายของพ่อเลี้ยงชูชาติ ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2562ที่ผ่าน แต่เรื่องการจัดการทรัพย์สินที่ติดขัด ล่าช้าเป็นเพราะนางฐิติรัตน์ ได้ฟ้องร้องต่อศาลเป็นคดีเพื่อเรียกเงินจำนวน 300 ล้านบาทที่อ้างว่าเป็นสินสมรส และจะไม่ยอมโอนทรัพย์สินในพินัยกรรมให้แก่บริษัทปางช้างแม่สา จำกัดตามพินัยกรรมของนายชูชาติ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
 
ต่อมาตนได้ประกาศว่าจะปิดกิจการปางช้างแม่สาเพราะไม่มีเงินบริหารแล้ว และหากนางฐิติรัตน์ยังไม่ทำหน้าที่ฯ ก็มีโอกาสจะถูกเพิกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม นางฐิติรัตน์จึงได้มีจดหมายนัดตนไปโอนที่ดินบางแปลงให้กับบริษัทปางช้างแม่สาฯในวันที่ 15 กันยายน 2565นี้ เวลา 10.00 น. โดยให้บริษัทฯหาเงินมาโอนทรัพย์สินเอง อนึ่งนางฐิติรัตน์จดทะเบียนสมรสกับพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตรเมื่อปี 2557 จะมีสินสมรสมากถึง 300 ล้านได้อย่างไร ตนได้ตรวจสอบทรัพย์สินทั้งช้าง ทั้งที่ดิน พบว่าบิดาตนได้ถือครองมาก่อนปี 2557ทั้งสิ้น ส่วนเรื่องเงินที่หายไปจากบัญชีในพินัยกรรมจำนวน 41 ล้านบาทเป็นเรื่องจริง ขณะนี้บัญชีดังกล่าวมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 40,000 บาทเท่านั้น และเงินที่หายไปจาก 5 บัญชีของบริษัทฯรวมแล้ว 117 ล้านบาทก็เป็นเรื่องจริง ตนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องทั้งสองคดี ทั้งที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะคดีที่เงินบริษัทหาย ตนเพิ่งทราบเมื่อต้นปี 2565 เรื่องนี้อยู่ที่ศาลกรุงเทพใต้ ตนได้ยื่นฟ้องธนาคารที่บริษัทนำฝากเงินไว้ สำหรับเส้นทางการเงิน ตนเชื่อว่าธนาคารมีการบันทึกไว้หมด ทุกอย่างอยู่ทีศาลจะเป็นผู้พิจารณา 
 
"ศาลได้มีคำสั่งให้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันทั้งสองคน เพื่อจัดการมรดกให้ทายาทให้แล้วเสร็จตามพินัยกรรม แต่ก็ยังติดปัญหาที่อีกฝ่ายฟ้องร้องต่อศาลเรียกสินสมรสจำนวน 300 ล้านบาท และในวันที่ 15 กันยายนนี้ นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตรได้นัดตนไปทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกเพื่อโอนที่ดินตามพินัยกรรมบางส่วนให้กับบริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด แต่กลับไม่มีการถอนเงินจากกองมรดกเพื่อเป็นค่าโอนที่ดินตามกฏหมาย ซึ่งตรงนี้ทนายความตนกำลังทำหนังสือแจ้งไปยังนางฐิติรัตน์ว่าขั้นตอนที่ถูกต้องนั้น การโอนกรรมสิทธิ์ในพินัยกรรมต้องใช้เงินจากกองมรดกเท่านั้น ดังนั้นจะต้องมีการเบิกเงินจากบัญชีในกองมรดกก่อน แล้วถึงจะไปโอนที่ดินได้ ซึ่งตนคิดว่ายังมีเวลาพอที่จะเตรียมในเรื่องดังกล่าวก่อนวันที่ 15 กันยายน ซึ่งบัญชีเงินในกองมรดกก็มีหลายบัญชี แม้แต่บัญชีที่นางฐิติรัตน์ปฏิเสธจะโอนเงินให้กับปางช้างแม่สาก็มีเงินอยู่ถึง 15 ล้านบาท และเป็นสิทธิ์โดยชอบของปางช้างแม่สาไปแล้ว ขาดแต่ขั้นตอนการโอนเท่านั้น” 
 
ส่วนในเรื่องที่นางจีระ​ภา​ วัชรเกตุ​ พี่สาวต่างมารดาของนางฐิติรัตน์ ออกมาให้กำลังใจตนนั้น ตนขอขอบคุณมาก ตนทราบดีว่าใครเป็นใคร การเข้าสู่สกุลเป็นมาอย่างไร แต่ตนคิดว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นไปแล้ว ก็ต้องใช้วิธีการแก้ไขปัญหาเอา เพราะบิดาตนก็ได้ตายจากไปจะครบ 4 ปีในเดือนมกราคม ปี 2566 นี้แล้ว ที่ผ่านมาตนต้องอดทนมากเพื่อสะสางในทุกๆเรื่อง และเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ยุติธรรมกับทายาททุกคน 

หน้าแรก » ภูมิภาค