ที่จังหวัดสุพรรณบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับรายงานมีเอเย่นต์ยาบ้ารายใหญ่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่อำเภอสองพี่น้อง และอำเภออู่ทอง จึงสั่งการให้นายธรรศ ศรีดุษฎี ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษสืบสวนหาข้อมูลและจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้  
           

หลังจากได้รับคำสั่งได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบและจับกุมผู้เสพยาเสพติด และได้สอบสวนขยายผลผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าซื้อยาบ้ามาจากนายกฤษณะ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปีบ้านอยู่ตำบลศรีสำราญ อำเภอสองพี่น้อง  เจ้าหน้าที่จึงวางแผนล่อซื้อโดยให้ผู้ต้องหาที่ถูกจับโทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้าจาก นายกฤษณะ กองสุวรรณ์หรือมาร์ค จำนวน 30,000 เม็ด ราคา 240,000 บาท หลังจากตกลงซื้อขายกันแล้วได้นัดส่งยาบ้ากันที่บริเวณหมู่ 2 ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง โดยให้ลูกน้องนายมาร์ค ชื่อนายทนงศักดิ์ หรือเอ รางกร่าง เป็นคนนำยายาบ้ามาส่ง เมื่อถึงเวลานายทะนงศักดิ์ ได้ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีดำ นำยาบ้ามาส่งเจ้าหน้าที่ ที่ดักซุ่มอยู่ รู้ว่าในรถคันดังกล่าวคือนายเอ จึงเข้าชาร์จจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลาง ยาบ้า 3 ก้อนจำนวน 30,000 เม็ดขณะถูกจับนายเอ ตกใจร้องผมยอมแล้ว ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮ  
           

สอบสวนนายทนงศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปีให้การว่ายาบ้าจำนวนดังกล่าวเป็นของนายกฤษณะ กองสุวรรณ์หรือมาร์ค ศรีสำราญ ให้ตนเป็นคนเอามาส่ง เจ้าหน้าที่จึงวางแผนขยายผลให้นายทนงศักดิ์ (สงวนนามสกุล) โทรศัพท์ไปหานายกฤษณะ ขอซื้อยาบ้าเพิ่มอีก 40,000 เม็ด นายกฤษณะ ได้ตอบตกลงโดยให้โอนเงินค่ายาบ้าเข้าบัญชีของลูกน้อง ซึ่งได้ค่าจ้างเปิดเป็นบัญชีม้า จำนวน 3,000 บาท หลังโอนเงินเสร็จนายทะนงศักดิ์ ได้พาเจ้าหน้าที่ ไปรับยาบ้าที่บ้านของนายทนงศักดิ์  ที่ตำบลศรีสำราญ อำเภอสองพี่น้อง เมื่อไปถึงลูกน้องของนายมาร์ค ได้ขี่รถจักรยานยนต์ นำยาบ้าใสตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์ มาส่ง แต่พอมาถึงลูกน้องนายมาร์ค เห็นมีเจ้าหน้าที่ซุ่มอยู่เกิดไหวตัวทันเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ หลบหนไปได้อย่างหวุดหวิด  
           

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังจับกุมนายเอ อยู่นั้นนายกฤษณะ ได้ขับรถเข้ามาที่บ้านของตัวเองเห็น เจ้าหน้าที่จึงรีบโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง เจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจค้นแต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายจากนั้นได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนพร้อมของกลางยาบ้า ได้สอบสวนขยายผลต่อที่โรงพัก  จากการสอบสวนนายกฤษณะ ให้การปฏิเสธว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับยาเสพติดจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด  แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายทะนงศักดิ์ จริง จากการสอบสวนพยานที่ถูกจับยืนยันว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของนายกฤษณะ เบื้องต้นนายทะนงศักดิ์  ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่นายกฤษณะ ให้การปฏิเสธ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานายทนงศักดิ์ และนายกฤษณะ ในข้อหาร่วมกันโดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ในลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยทั่วไป