วันที่ 13 ส.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ม.1 ต.ตลุก (อ่านว่า ตะ-หลุก) อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ชาวบ้านหลายร้อยคน ร่วมกันประกอบพิธีอัญเชิญแม่ตะเคียน อายุประมาณ 200 ปี ที่มีลำต้นขนาดใหญ่ยาวกว่า 27.60 เมตร เล่นรอบวง 3.44 เมตร หรือประมาณ 3 คนโอบ เพื่อนำไปไว้ที่วัดอินทาราม (วัดตลุก) หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเรือดูดทรายได้ทำการดูดทรายและค้นพบต้นตะเคียนยักษ์ที่ถูกดินโคลนทบถมและจมขวางทางน้ำอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนที่จะมีชาวบ้านฝันขอให้ช่วยนำขึ้นจากน้ำและนำไปอยู่ที่วัด งานนี้แฟนตัวเลขไม่พลาดแห่ร่วมพิธีกันแน่นขนัด

ซึ่งบรรยากาศในการเคลื่อนย้ายเจ้าแม่ตะเคียนแก้ว ชื่อที่ชาวบ้านเรียก บรรดาผู้นำชุมชน พร้อมด้วยชาวบ้าน ได้นำรถแบคโฮ จำนวน 4 คัน มายกขึ้นใส่ยังรถเทรลเลอร์ หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 84-0777 ตัวลูกหมายเลขทะเบียน 84-0778 ด้วยความยากลำบากเนื่องจากลำต้นของเจ้าแม่ตะเคียนมีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้นิมนต์พระจากวัดอินทารามมาประกอบพิธีขอขมาและอัญเชิญ รวมไปถึงร่างทรงที่มาทำพิธี โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ในการเคลื่อนย้ายเจ้าแม่ตะเคียนแก้วไปยังวัดอินทารามจนสำเร็จ แต่สิ่งที่เป็นอัศจรรย์ในระหว่างการยกเจ้าแม่ตะเคียนขึ้นยังบนรถ ได้เกิดเหตุการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ต่างเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้าน

นายประไพร  บดีธนาวัฒน์  อายุ58ปี ชาวบ้าน ต.ตลุก เปิดเผยว่า ต้นตะเคียนยักษ์ต้นนี้เรือดูดทรายเป็นคนค้นพบ ซึ่งก่อนหน้าตนเคยโพสลงบนโลกออนไลน์ไปแล้วแต่ยังไม่มีใครสนใจเมื่อช่วงปีที่แล้ว ต่อมาได้มีคนในหมู่บ้านฝันโดยแม่ตะเคียนได้ขอให้มาอัญเชิญขึ้นจากน้ำ ต่อมาชาวบ้านรายนั้นก็ได้ไปบอกหลวงพี่ที่วัด และได้ชวนกันมาอัญเชิญขึ้นจากน้ำ โดยระหว่างการนำขึ้นได้เกิดปัญหาอุปสรรค์ รถแบคโฮได้ใช้ลวดสลิงขนาดใหญ่เพื่อดึงขึ้นจากน้ำแต่ลวดสลิงนั้นกลับขาดไป 2 เส้น ชาวบ้านจึงได้นิมนต์พระจากวัดอินทารามมาประกอบพิธีขอขมาจากนั้นก็สามารถนำต้นตะเคียนต้นนี้ขึ้นจากน้ำได้อย่างไม่มีปัญหา สำหรับตนเกิดมาไม่เคยพบต้นตะเคียนใหญ่ และมีความสมบูรณ์ขนาดนี้จากที่ดูข่าวจากที่ต่างๆก็ไม่มี และหลังจากนี้ก็จะนำแม่ตะเคียนไปไว้ยังวัดอินทาราม หรือวัดตลุกเพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้