วันที่ 25 ธันวาคม 2566 ที่ศาลาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม พร้อมข้าราชการตำรวจ สมาคมแม่บ้านตำรวจ ตลอดจนญาติพี่น้อง ครอบครัวผู้เสียชีวิต ร่วมประกอบพิธีสวดอภิธรรมศพ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ โกพลรัตน์ หรือหมวดอี๊ด อายุ 56 ปี รอง สวป.สภ.ธาตุพนม นพต.รุ่น 22 โรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 4 ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเข้าไประงับเหตุทาสยาบ้า คือ นายอานุเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้าจนหลอน เหตุเกิดที่บ้านโชคอำนวย หมู่ 9 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

โดยหมวดอี๊ดถูกทาสยาบ้าคลั่งฉวยโอกาสทีเผลอ ขณะเข้าไปเกลี้ยกล่อมหลังคลุ้มคลั่งถืออาวุธมีด ข่มขู่ทำร้ายญาติและชาวบ้าน ทั้งนี้นายตำรวจผู้ตายมีความสนิทสนมกับผู้ก่อเหตุ เพราะเข้าไประงับเหตุบ่อย แต่สามารถเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ แต่ครั้งนี้ไม่สำเร็จ พลาดท่าจึงเกิดเหตุสลดขึ้น โดยคนร้ายใช้มีดจ้วงแทงจนเสียชีวิต ภายหลังตำรวจชุดสืบสวนได้เข้าจับกุมคนร้าย พร้อมควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ จะมีขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ที่จะถึงนี้

ทางด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม ได้เป็นตัวแทนมอบพวงหรีด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. และภริยา เพื่อไว้อาลัยต่อ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ โกพลรัตน์ หรือหมวดอี๊ด อายุ 56 ปี รอง สวป.สภ.ธาตุพนม นพต.รุ่น 22 โรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 4 เป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัว และไว้อาลัยต่อการเสียชีวิต พร้อมชี้แจงสิทธิที่ครอบครัว ผู้เสียชีวิตจะได้รับทุกด้าน เบื้องต้นมีการเสนอปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ โดยได้เลื่อนยศเป็นพันตำรวจเอก (พิเศษ) รวมถึงรับเงินชดเชยประมาณ 3.5 ล้านบาท และให้สิทธิลูกได้รับราชการตำรวจ เมื่อสำเร็จการศึกษาตามเงื่อนไข ซึ่ง นางมยุรี โกพลรัตน์ อายุ 79 ปี แม่ผู้เสียชีวิต รวมถึง นางกนกนาฏ โกพลรัตน์ อายุ 29 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต และญาติพี่น้อง รับฟังคำชี้แจง และขอบคุณทุกฝ่ายที่เป็นขวัญกำลังใจ

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับการปราบปรามยาเสพติดถือเป็นนโยบายเร่งด่วน และเป็นความห่วงใยของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด และผู้เสพยาบ้าคลุ้มคลั่ง ทำร้ายชาวบ้าน สำหรับกรณีสูญเสียนายตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ โดยยืนยันว่า นายตำรวจที่เสียชีวิตผ่านการฝึกยุทธวิธีมาทุกขั้นตอน และมียุทธวิธีเข้าระงับเหตุตามขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ แต่ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกับคนร้าย เพราะเคยเข้าไปดูแลระงับเหตุบ่อยครั้ง จนมั่นใจเชื่อว่าคนร้ายจะไม่ทำร้าย ส่วนครั้งนี้คนร้ายขาดสติ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงก่อเหตุทำร้ายตำรวจ ซึ่งจะได้พิจารณาเป็นกรณีศึกษา เพื่อวางมาตรฐานในการปฏิบัติงานต่อไป

ด้านการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า มีการตรวจพบว่าใช้สารเสพติด จะต้องรอผลการตรวจชันสูตรชัดเจนจากแพทย์อีกครั้ง เพื่อมาประกอบการดำเนินคดี สำหรับแนวทางการป้องกันปราบปราม จะต้องสร้างความร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อสม.ผู้นำชุมชน ตัวแทนชาวบ้าน ในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงในหมู่บ้านชุมชน ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก

ในส่วนการชดเชยเยียวยา สำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต จะต้องได้รับการช่วยเหลือจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ในการชดเชยเยียวยา เป็นเงินเบื้องต้น 3.5 ล้านบาท รวมถึงสิทธิสวัสดิการทุกด้าน ตามระเบียบ และให้ลูกได้รับสิทธิรับราชการตำรวจ เมื่อสำเร็จการศึกษาตามเงื่อนไข ทั้งนี้ยืนยันว่าจะดูแลเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ให้ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ทุกด้าน