วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.35 น. ร.ต.อ.สุวัฒน์ บูราญ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สว่าง ได้รับแจ้งเหตุเมรุถล่มทับคนงานภายในวัดสิริมงคล บ้านสว่าง ต.สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกับหน่วยกู้ภัยอโสกโพนทองพร้อมอุปกรณ์ตัดถ่าง เมื่อไปถึงพบ ชิ้นส่วนของเมรุกระเด็ดตกตามพื้นเต็มไปหมด ใกล้กับพบรถแบคโฮสีเขียวถูกแทนปูนขนาดใหญ่ล้มทับอยู่

ภายในรถแบคโฮยังมีร่างของคนขับติดอยู่ ทราบชื่อคือ นายสุพจน์ ฤทธิ์ไธสง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.12 ต.สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ถูกแท่นปูนทับเสียชีวิตติดอยู่บริเวณที่นั่งคนขับ กู้ภัยใช้อุปกรณ์ตัดถ่างตัดชิ้นส่วนของแทนปูนออก เพื่อนำร่างของนายสุพจน์ออก ใช้เวลากว่า 45 นาทีจึงสามารถนำร่างออกมาได้ ท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมามุงดูจำนวนมาก    

ก่อนหน้านี้มีการสร้างเมรุหลังใหม่เพื่อแทนหลังเดิมที่ใช่งานมาหลายปีจนเกินการทรุดโทรมตามการเวลา จนกระทั่งสร้างเสร็จ ในและวันช่วงเช้ามีการบวงสรวงก่อนมีการ รื้อถอน และเริ่มรื้อถอนในตอนบ่าย จนกระทั่งมาเกิดเหตุ

 
นายปรีชา รัตนวงศ์ เพื่อนร่วมงานเล่าให้ฟังว่า ในวันนี้มีการรื้อถอนเมรุหลังเก่า หลังจากที่สร้างเมรุหลังใหม่เสร็จ ในช่วงเช้าได้มีการบวงสรวงไปแล้ว ในตอนเกิดเหตุตอนนั้นนายสุพจน์คนขับรถแบคโฮบอกให้คนงานทั้งหมดออกจากบริเวณเมรุ ก่อนที่นายสุพจน์จะขึ้นไปขับและได้ทำการทุบเสาเมรุ จนกระทั่งทุบเสาเสร็จจู่ๆตัวเมรุได้เกิดเอียงตัวมาทางรถแบคโฮแล้วล้มลงมาตรงที่รถแบคโฮอยู่พอดี ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ใกล้ มีเพียงคนขับอยู่คนเดียว ตอนนั้นทุกคนตกใจมาก ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯจะได้นำร่างอันไร้วิญญาณของนายสุพจน์ ฤทธิ์ไธสง ส่งไปชันสูตรยังโรงพยาบาลอำเภอโพนทอง ญาตไม่ติดใจสาเหตุการตายเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตให้กับญาติพี่น้องนำไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป