วันที่ 25 มิ.ย.67 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ นายฐปนวัฒน์ จิ้วไม้แดง อายุ 56 ปี บ้านอยู่ ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ และจากจังหวัดข้างเคียงรวม 10 คน เดินทางเข้ายื่นหนีงสือต่อ พล.ต.ต.ตานิษฐ์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.กระบี่ เพื่อขอทราบความคืบหน้าในการสอบสวนกรณีที่พวกตนได้มาร้องเรียนว่าได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์อาวุธครบมือเข้าไปข่มขู่ชาวบ้านที่เข้าไปครอบครองที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์เนื้อที่ประมาณ 3 พันไร่ ที่หมดสัญญาเช่าจากเอกชนที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 

โดยชายกลุ่มดังกล่าวอ้างตนว่าได้รับคำสั่งจาก ผกก.ปลายพระยา ให้เข้ามาเก็บค่าต้นปาล์มน้ำมันต้นละ 3 บาท หากใครไม่ให้ก็จะมีการข่มขู่ จนสร้างความหวาดกลัวต่อพวกตนที่เข้าไปครอบครองที่ดินดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันทำให้เกิดความแตกย้ายกันของชาวบ้านที่เข้าไปครอบครองที่ดินหลายร้อยครอบครัว นอกจากนั้นยังถูกกลั่นแกล้งจาก ตำรวจจับพวกตนในข้อหาลักผลปาล์ม ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด 

ทาง ผบก.ภ.จว.กระบี่ ได้รับเรื่องและแจ้งให้ทางชาวบ้านที่เดินทางมาทราบว่า กรณีกล่าวหา ผกก.ปลายพระยานั้น ขณะนี้ตนได้ตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมา โดยได้มีการเรียกพยานตามที่ลงชื่อกันไว้ และดูจากหลักฐานเป็นคลิปวิดิโอที่ส่งมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งก็จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนในทางคดีที่ถูกกล่าวหาลักผลปาล์มน้ำมันนั้น ก็จะให้ทางรองผู้การฯ เข้าไปดูสำนวนการสอบสวนว่ามีพยานหลักฐานอย่างไรบ้างเพื่อให้ความเป็นธรรมเช่นกัน 

โดยทาง พล.ต.ต.ตานิษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้น พบว่ามีการแจ้งความกันทั้ง 2 ฝ่าย ขณะนี้ได้สั่งการให้เร่งติดตามชายที่มีอาวุธปืนตามในคลิปมาสอบสวนและแจ้งความดำเนินคดีแล้ว นอกจากนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตนได้ให้ทางชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกระบี่ จัดกำลังเข้าไปในพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุ หากพบว่ามีการพกพาอาวุธปืนก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนพื้นที่ที่ชาวบ้านเข้าไปครอบครองจะผิดหรือถูกนั้น คงต้องเป็นเรื่องของเจ้าของพื้นที่ในการแก้ไขปัญหา 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังปลัดอำเภอปลายพระยา ที่ได้มีชาวบ้านรวมตัวประท้วงกันที่หน้าอำเภอปลายพระยาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.กล่าวหาปลัดอำเภอไปมีส่วนกับชายชุดดำถือปืน ที่โต้เถียงกับกลุ่มชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่งและวันนี้ ได้มีคำสั่งจากจังหวัดกระบี่ ย้ายออกจากพื้นที่ให้มาช่วยราชการที่จังหวัดกระบี่และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยทางปลัดยืนยันว่า ตนเองเข้าไประงับเหตุหลังจากมีชาวบ้านแจ้งว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่ง มีอาวุธครบมือเข้าไปข่มขู่รีดเงิน แต่เมื่อไปถึงไม่พบตัว แต่พบกลุ่มชายจึงได้ให้แยกย้ายกันไปป้องกันเหตุปะทะกันกับชาวบ้านเท่านั้น 

ส่วนที่มีชายชุดดำมีปืนนั้น ทราบว่าเป็นชาวบ้านที่เข้าไปถือครองพื้นที่ และถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ข่มขู่ล้อมไว้ ซึ่งเป็นคนละเหตุการณ์และตนไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง กลุ่มชายฉกรรจ์ไปปล้นปาล์มจากชายที่ถือปืน 

ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์ ลักษณวิมล ผกก.สภ.ปลายพระยา กล่าวว่า ตนทราบว่ามีชาวบ้านไปร้องเรียนกับทางผู้การแล้ว และก็พร้อมให้สอบสวน เนื่องจากตัวเองไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ที่ผ่านมา มีชาวบ้านแยกกันเป็น 2 กลุ่ม ก็ได้มีการพูดคุยไม่ให้เกิดเรื่องป้องกันเหตุทำร้ายกัน แต่เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้ ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ซึ่งพร้อมให้สอบสวน ส่วนเรื่องคดีนั้น ขณะนี้แยกเป็น 2 คดี คือคดีที่ปลัดมาลงบันทึกประจำวันหลังจากเข้าไปตรวจพื้นที่และพบชายฉกรรจ์ว่ามีการข่มขู่รีดเงินชาวบ้าน กับ กรณีที่ชาวบ้านแจ้งความมีชายชุดดำถือปืนยาว 

เบื้องต้นทั้ง 2 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยในส่วนของชายถือปืนนั้นขณะนี้ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว และมีการแจ้งกลับมาว่าจะเข้ามอบตัวเร็วๆนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับปัญหาพื้นที่ดังกล่าว สืบเนื่องจากทางบริษัทเอกชนได้หมดสัญญาเช่าพื้นที่เมื่อเดินเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งพื้นที่อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์อ่าวลึก เนื้อที่กว่า 3 พันไร่ และอยู่ในพื้นที่ป่าไม้กว่าหมื่นไร่ ทำให้มีชาวบ้านจำนวนมาก ต่างเข้าไปจับจองพื้นที่ตัดผลปาล์มน้ำมันกัน โดยเฉพาะพื้นที่ของนิคมสหกรณ์ ที่ชาวบ้านเข้าไปจับจอง จนมีกลุ่มคนบางกลุ่มอาศัยช่วงโหว่ที่นิคมฯ ไม่ได้ดำเนินการอะไร จัดสรรปันส่วนแบ่งผลประโยชน์กัน และเกิดการกระทบกระทั่งกันดังกล่าว