สุราษฎร์ธานี-ตั้งใจมายิงซ้ำ! หลังก่อเหตุครั้งแรกยิงไม่เข้ามีพระดีคุ้มครอง ครั้งนี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวบตัวได้ทันควันก่อนก่อเหตุซ้ำ.
 
 จากกรณีที่นายไพศาล สุวรรณ หรือพี่ไข่ อายุ 46 ปีหนุ่มใหญ่ ถูกลอบยิง แต่รู้สึกแค่เหมือนลูกกระสุนปืนเฉียดหัว เชื่อบารมีหลวงพ่อสุทธิ์ คุ้มครอง เหตุเกิดบริเวณริมถนนเอเชียหรือถนนสาย 41 ขาขึ้น กทม.ตรงข้าม ปันรักรีสอร์ท หมู่ที่ 12 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี โดยในตอนนั้น เชื่อว่าเป็นบารมีของหลวงพ่อสุทธิ์ที่นับถือมานานเรื่องความหนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้า เพราะระยะไม่ถึง 3 เมตรที่คนร้ายดังกล่าวยิงใส่แต่ไม่ถูก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา
 

ล่าสุด วันนี้ (8 กรกฎาคม 2567) หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าชนะนำโดย พ.ต.ท.ยงยุทธ จันทร์คง สว.สส.สภ.ท่าชนะ, ร.ต.อ.วิรัตน์ ฤทธิอา รอง สว.สส.สภ.ท่าชนะ, ร.ต.อ มานิต กาญจนะภาชนะ รอง สว.สส.สภ.ท่าชนะ ติดตามแกะรอยตามกล้องวงจรปิดใช้เวลาไม่ถึงเดือน ได้เบาะแส และจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้วคือ นายอัคเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี อยู่บ้าน ต.ห้วยปริก อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมอาวุธขนาดปืน 9 มม.1 กระบอก อาวุธปืนขนาด.22 มม.จำนวน 1 กระบอกและลูกกระสุนปืน ได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งพื้นที่ริมถนนเอเชีย หรือ สาย 41 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
 

จากการสืบสวนทราบว่าบุคคลที่ก่อเหตุได้มาพักอาศัยอยู่ที่รีสอร์ทดังกล่าวและสังเกตุเห็นรถคันที่ใช้ก่อเหตุที่กำลังติดตามไล่ล่าอยู่นั้น จอดอยู่หน้ารีสอร์ท จึงได้เข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นรถคันเดียวกัน จึงได้เข้าจับกุม หลังจากที่สืบทราบมาว่า ผู้ก่อเหตุเพิ่งกลับมาจาก หาซื้อลูกกระสุนปืนเพิ่ม จาก จ.กระบี่ และเข้ามาพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ 2 คืน ซึ่งอาจจะก่อเหตุซ้ำได้ จึงได้ควบคุมตัวนายอัคเดช ขานทอง พร้อมกับของกลางที่ใช้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่ม ที่ สภ.ท่าชนะ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดไชยา
 

ขณะเดียวกันได้เชิญตัว นายไพศาล สุวรรณหรือพี่ไข่ เจ้าของคดีดังกล่าว มาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับชี้ตัวผู้ต้องหาหรือผู้ก่อเหตุพร้อมของกลาง
 
 จากการสอบถามนายอัคเดช ให้การว่า ตนเองรู้จักพี่ไข่ (คนที่ผู้ต้องหาไปลอบยิง) ดีและบ้านหลังนั้นเป็นบ้านเรือนไทยของตนเองที่ตนเองซื้อ มาในราคา 15 ล้าน แต่ตนเองไม่ได้อยู่ และได้ให้พี่ไข่อยู่ก่อน ซึ่งตนเองต้องไปอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และหลังจากที่ตนเองกลับมา และบอกพี่ไข่ว่าจะกลับมาเอาบ้านคืนแต่พี่ไข่ ไม่ให้ตนและยัง เอางูบองหลาหรืองูจงอาง ของตนเองที่เลี้ยงไว้อยู่บนบ้านเรือนไทย ไปปล่อยด้วย ซึ่งทำให้ตนโกรธมาก และวันที่เกิดเหตุตนเห็นรถของพี่ไข่จอดอยู่ริมทางถนนและเห็นพี่ไข่กำลังขุดซ่อมท่อประปาอยู่ ตนก็เข้าไปพูดคุยเรื่องบ้าน ส่วนสาเหตุที่ยิงนั้นตนตั้งใจแค่จะยิงข่มขู่ ถ้าจะยิงจริงๆ ตนก็ ยิงไม่พลาด ส่วนปืนตนเองซื้อมาจากจังหวัดกระบี่ ในราคากระบอกละ 30,000 บาท ลูกปืน ซื้อมาราคา 2,500 บาท ซึ่งหลังจากที่ได้พูดคุยสอบถามกับนายอัคเดชเดช (ผู้ต้องหา) นั้นอารมณ์ดีตลอด ให้ทำอะไรก็ทำตามถามอะไรก็ตอบหมด
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าชนะ ได้นำตัวนายอัคเดช ไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลท่าชนะ ปรากฎว่าพบเป็นสีม่วง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มคือ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย หลังจากนั้น ได้ควบคุมตัวนายอัคเดช ไปที่ สภ.ไชยา อ.ไชยา พื้นที่ที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.