“พิธา” ผู้ช่วยหาเสียงพร้อมแกนนำพรรคประชาชน ร่วมกันปราศรัยเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี จะเป็นก้าวแรกของการ ล้างอำนาจเก่าทำให้ ราชบุรีไม่เหมือนเดิม
 

วันที่ 17 สิงหาคม 2567 ที่บริเวณลานเด็กดิน เขื่อนรัฐประชาพัฒนา ริมน้ำแม่กลอง เขตเทศบาลเมืองราชบุรี เต็มไปด้วยประชาชนหลายกลุ่มอายุทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุ ได้เดินทางมาปักหลักรอคอยการปรากฏตัวของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคประชาชน ที่เดินทางทางโดยรถตู้สีขาวมาจอดรออยู่นาน เพื่อรอให้นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยสิ่งที่เกิดขึ้นที่เป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้ประชายน จากนั้นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ เท้ง หัวหน้าพรรคประชาชน ขึ้นปราศรัย ช่วยนายชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ หรือ หวุน ผู้สมัครเบอร์ 1 ทักทายประชาชนที่มานั่งรอที่พื้นฟุตบาท บางคนก็ยืนจับกลุ่มด้วยความสนใจเป็นจำนวนมาก มีการนำรถเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่มาจอดริมถนน ด้านข้างมีร้านจำหน่ายเสื้อสีส้ม สีขาวสัญลักษณ์ของพรรค มีประชาชนหลายคนได้สวมเสื้อผ้ามาในงานดังกล่าวเป็นจำนวนมากและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาชน
 

โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ เท้ง ได้ขึ้นกล่าวทักทายประชาชน พูดถึงนโยบายการทำงานของพรรคและแนวนโยบายการเตรียมทำงานในอนาคตของ อบจ.ราชบุรี หากได้ปักธงนายก อบจ.เป็นที่แรก พร้อมฝากให้ประชาชนเข้าคูหา 1 กันยา กาเบอร์ 1 ให้ทั่วราชบุรี ซึ่งสโลแกนเสื้อตัวนี้ทำไมถึงบอกราชบุรี จะเป็นก้าวแรก และการก้าวต่อไปเพื่อทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ความสวยงามของราชบุรี ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลเมือง อบต. อบจ.คือความสวยงามขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือตัวแทนของประชาชน ชาวราชบุรี ตัดสินใจใช้งบประมาณใช้นโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนมากที่สุด เพียงแต่ที่ผ่านมาจะยึดติดภาพแต่การเมืองเดิมๆ การเมืองระบบอุปถัมภ์ ถึงเวลาเลือกตั้งก็เอาเงินมาให้ คิดว่าพวกเราถูกหลอกแบบนี้ได้เรื่อยไป นี่คือสิ่งที่พรรคประชาชนเราตั้งใจเข้ามาเปลี่ยนความคิดแบบนี้ ซึ่งผมเชื่อว่า วันนี้ชาวราชบุรีที่อยู่ในลานแห่งนี้เราไม่อยากได้ระบบการเมืองแบบนั้น ผมได้รับคอมเม้นท์มาว่าอยากให้มาพูดถึงตัวนโยบายเกี่ยวข้องกับ จ.ราชบุรีด้วย หนีไม่พ้นคนที่จะสามารถพูดเรื่องนโยบาย ปัญหาปากท้อง คุณภาพชีวิตของประชาชนชาวราชบุรีได้ดีที่สุดคือ นายกคนแรกในนามพรรคประชาชนก็คือ นายกชัยรัตน์ฯ ทำให้พ่อแม่พี่น้องคนไทยเห็นว่าคุณภาพชีวิตของชาวราชบุรีดีขึ้น ต่อไปปี 2570 ประเทศไทยก็ดีขึ้นได้
 

ส่วนเรื่องน้ำประปาสะอาด ผมเชื่อว่าชาวสวนผึ้งทุกคนพรุ่งนี้เจอกันครับ เชื่อว่าปัญหาหลักๆของชาวสวนผึ้ง โครงสร้างพื้นฐานน้ำประปาก็ต้องใช้น้ำบาดาล ถนนก็ยังเข้าไม่ถึง เพราะเป็นอำเภอที่อยู่ห่างไกล มีปัญหาของพี่น้องชาวชาติพันธุ์ที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ต่างๆ ทั้งที่อยู่ในแผ่นดินไทย เป็นปัญหาพื้นฐานที่สามารถแก้ได้ด้วยองค์กรส่วนท้องถิ่น
 

จากที่ตนเองเคยเข้าไปทำงานที่ร่วมกับคณะก้าวหน้าที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ น้ำประปาสะอาด 1400 มิเตอร์ จากน้ำประปาที่เคยเป็นสีชานมเราทำให้มันไหลตลอด 24 ชม. กลายเป็นน้ำที่สะอาดดื่มได้ ใช้งบประมาณเพียงแค่ 10 ล้านบาท ถ้าเทศบาลตำบลอาจสามารถทำได้แล้วเราทำไมจะทำกับที่ราชบุรีไม่ได้ พี่น้องทราบมั๊ยว่าเพียงแค่การเปลี่ยนระบบผลิตน้ำปะปาให้สะอาดโดยใช้เทคโนโลยีไอโอที ทุกอย่างยิงขึ้นไปบนฟ้าเชื่อมต่อถึงกันหมด สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้เกิดในประเทศ พร้อมกับการที่เราไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นแล้วทำพร้อมกันพรึบทั่วประเทศ ให้มันรู้ไปว่า ปี 70 จะไม่เปลี่ยน
 

ซึ่งต่อมาได้เปิดโอกาสให้นายชัยรัตน์ หวุน ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายกอบจ.พูดถึงนโยบายการทำงานของการพัฒนาพื้นที่ราชบุรีในอนาคต ทั้งเรื่องคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม การขนส่งมวลชน รถไฟ การศึกษา รพ.สต. และการโปร่งใสในการทำงาน ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนที่มานั่งเชียร์ปรบมือเป็นระยะ
 

จากนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งนั่งรออยู่ในรถตู้สีขาวเกือบครึ่งชั่วโมง ท่ามกลางแฟนคลับต่างมายืนล้อมรถตู้ และเตรียมมอบดอกกุหลาบสีแดง สีขาว เป็นกำลังใจ โดยมีสมาชิกพยายามใช้แขนกันล้อมพื้นที่เพื่อให้นายพิธาได้ก้าวออกจากรถเพื่อเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างสะดวก เต็มไปด้วยเสียงทักทายจากประชาชนจำนวนมาก
 

นายพิธากล่าวทักทายด้วยความดีใจที่ได้มีโอกาสมาช่วยนายชัยรัตน์หาเสียงอีกครั้ง พร้อมกล่าวว่า ตอนนี้ราชบุรีประชาชนล้อมไว้หมดแล้ว ยิ่งผมกลับมายิ่งมั่นใจว่าพวกเราใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว ตอนนี้ถนนทุกสาย รถไฟทุกขบวนกำลังมุ่งหน้าสู่ราชบุรีเพื่อวันที่ 1 กันยา เข้าคูหากาเบอร์ 1 ที่มั่นใจไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นเพราะเรามียุทธศาสตร์และเรามีบันได ในการที่จะไปถึงเส้นชัย ส่งคุณชัยรัตน์ฯไปเป็นนายกอบจ.คนต่อไป อยากให้ประชาชนช่วยผมในการตามเพื่อน พ่อ แม่ กลับมาใช้สิทธิ์ให้เยอะ มีความมั่นใจว่าเราจะชนะ มั่นใจ แต่ไม่ประมาท การเลือกตั้งปี 66 เรามาเป็นอันดับ 1 แต่เป็นเพราะคนราชบุรีมาใช้สิทธิ์ 5 แสน 5 หมื่นคน พอเป็นปี อบจ.ปี 63 ใช้อยู่แค่ 4 แสน 5 หมื่นคน หายไป 1 แสนคน เพราะฉะนั้นมีความจำเป็นในการตามแสนคนที่เคยมาเลือกปี 66 ให้กลับมาเลือกตั้ง อบจ.ปีนี้อีกครั้ง ให้เขาเปลี่ยนใจมาเลือกพรรคประชาชนให้ได้