วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:10 น.

ภูมิภาค

"อัจฉริยะ" บุกสำนักงานอัยการทุจริตภาค 7 เร่งรัดคดี "ทนายตั้ม-ตำรวจ" เรียกรับเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด

วันอังคาร ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 13.19 น.

เวลา 10.00 น.วันที่ 12 พ.ย.67 ที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 จังหวัดสมุทรสงคราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายณรงค์ชัย หิรัญรัตน์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับ กรณีอัยการคดีทุจริตภาค 7 นำสำนวนคดีทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ร่วมกับพวกใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 เรื่องสามารถลดโทษจากการขยายผลไปจับกุมผู้เกี่ยวข้องรายใหญ่คดียาเสพติด โดยหลอกลวงนายธีรวัฒน์ บุญรอด หรือออย หลงเชื่อและมอบเงิน 4 แสนบาทให้กับทนายตั้มไป ต่อมาพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7  ได้ตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องจริง และดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมาย กระทั่งพนักงานสอบสวนสั่งฟ้องคดีไปยังพนักงานอัยการคดีทุจริต ภาค 7 แล้วนำสำนวนดังกล่าวไว้ 4 ปี โดยไม่ดำเนินการสั่งคดีแต่อย่างใด อันมีเจตนาส่อไปในทางทุจริต ก่อนที่นายอัจฉริยะจะเข้าไปพูดคุยหารือภายในสำนักงานโดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงออกมาให้สัมภาษณ์ข้อมูลต่างๆกับผู้สื่อข่าว

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนมาสอบถามความคืบหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุด 2 ครั้งและที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 อีก 2 ครั้ง ก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าใดๆ ครั้งนี้จึงมาสอบถามเป็นครั้งที่ 3 หากยังนิ่งเฉย ตนจะฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2563 จนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามภายหลังจากการตนพูดคุยหารือกับรองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 และอัยการเจ้าของสำนวน ทราบว่าคดีนี้กลุ่มผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมมากกว่า 10 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2563 และมีการสอบเพิ่มเติมตลอดเวลา มากกว่า 10 ครั้ง ต่อมา ท่านอธิบดีสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ท่านมารับตำแหน่งใหม่ เล็งเห็นความสำคัญเป็นคดีระดับชาติ เนื่องจากเป็นคดียาเสพติด จึงได้สั่งให้อัยการเจ้าของสำนวนนำสำนวนทั้งหมดที่มีการสอบเพิ่มเติมเอกสารกว่า 3,000 แผ่น มาพิจารณาและเสนอไปยังท่านอัยการสูงสุดภายในวันนี้ เนื่องจากเป็นคดีสำคัญอำนาจพิจารณาจะต้องส่งไปยังท่านอัยการสูงสุดลงความเห็นว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่

นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่าทนายตั้มกับพวกที่เป็นข้าราชการตำรวจ 2 นาย พยายามยื่นขอความเป็นธรรมทีละครั้งทีละคนรวมมากกว่า 10 ครั้งทำให้อัยการเจ้าของสำนวนต้องสอบตามที่ผู้ต้องหาร้องขอ เนื่องจากถ้าไม่สอบจะถูกกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมาทนายตั้มร้องว่าเรื่องเกิดขึ้นนานแล้ว ตำรวจทำหลักฐานเท็จ มีการอ้างพยานบุคลต่างๆ ให้มาสอบเพื่อประวิงเวลาให้เกิน 2 ปี ให้ข้าราชการตำรวจกลับมารับราชการได้ตามระเบียบ บางครั้งก็เลื่อนพยานต้องรอนานเป็นเดือน อัยการจึงต้องสอบประเด็นมากกว่า 28 ประเด็น ตามที่ตั้งร้องขอ จนเสร็จสิ้นและเสนออัยการสูงสุดวันนี้  ตนเข้าใจการทำงานของอัยการ จึงต้องขอบคุณท่านอธิบดีสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7  ท่านทำหน้าที่ของท่านตามอำนาจหน้าที่ เป็นที่พอใจของตน ขณะที่ท่านอัยการสูงสุดยืนยันว่าด้วยเกียรติของท่านว่าจะทำคดีนี้ด้วยความสุจริตโปร่งใสและเป็นธรรม 

สำหรับประเด็นสำคัญซึ่ง ทนายความและตำรวจมักจะหยิบยกมาใช้ประโยชน์ คือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522  มาตรา 100/2  บัญญัติว่า ถ้าศาลเห็นว่าผู้กระทำความผิดผู้ใดได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้
 

หน้าแรก » ภูมิภาค