ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 19 ก.พ.2568 พ.ต.ต.กาฬสิน ปากวิเศษ พนักกงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถตกคลองมีคนเสียชีวิตติดอยู่ในรถ ที่ถนนเลียบคลองชลประทาน สายโพธิ์พระยา-ไผ่ขวาง หมู่ 2 ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี หลังรับแจ้งได้ประสานแพทย์เวร รพ.เจ้าพระยายมราช และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงสุพรรณบุรี ไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะสีดำจมน้ำอยู่ในคลอง สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า หน่วยกู้ภัยจึงประสานรถยก มาช่วยยกรถขึ้นมาตรวจสอบใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงจึงนำรถขึ้นจากน้ำมาตรวจสอบพบว่าสภาพรถด้านหน้าหลังคากระจกหน้าแตกเสียหายเกือบทั้งคัน ยางล้อขวาด้านหลังแตก ภายในรถมีคนเสียชีวิตอยู่ในรถเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบผู้ครอบครองรถทราบว่าเป็นชื่อของนายฤทธิชัย ดอกพุฒ อายุ 33 ปีอยู่บ้านเลขที่ 228 หมู่ 2 ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุจึงตรวจสอบตามบ้านเลขที่ดังพบว่าเป็นของปลัดอำเภอหญิง คนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงให้ชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุไปประสานเจ้าของบ้านเลขที่ดังกล่าวออกมาดู

เมื่อเจ้าของบ้านเลขที่ดังกล่าวมาถึงแล้วดูร่างผู้เสียชีวิตก็ร้องไห้โฮ พร้อมส่งเสียงเรียกมินๆ ซึ่งเป็นลูกชายก่อนจะเป็นลมล้มทรุดลงกับพื้นหน่วยกู้ภัยต้องช่วยกันพยุงและหาแอมโมเนีย มาให้ดมพร้อมกับปฐมพยาบาล จนฟื้น จากนั้นหน่วยกู้ภัยได้นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากรถเพื่อตรวจพิสูจน์เบื้องต้นไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใดระหว่างนั้น ภรรยาสาวของผู้เสียชีวิตได้มาที่เกิดเหตุเมื่อเห็นร่างสามีนอนอยู่ก็ส่งเสียงร้องกรี๊ดแล้วบอกว่าไม่จริงๆๆๆ ซึ่งแม่ของผู้เสียชีวิตก็นั่งกอดร่างลูกชายอยู่เมื่อลูกสะใภ้มาถึงต่างกอดกันร่ำไห้ปานจะขาดใจหน่วยกู้ภัยต้องรีบนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นรถไปตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตของผู้เสียชีวิตอย่างละเอียดเพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

จากการสอบถามญาติและคนรู้จักผู้เสียชีวิตทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ นายฤทธิชัย ดอกพุฒ อายุ 33 ปีเป็นทหารยศ สิบโท ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สัสดีจังหวัดสุพรรณบุรี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตน่าจะขับรถกลับจากทำธุระนอกบ้านกำลังขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ไปไม่ถึงมาเกิดอุบัติรถเสียหลักตกลงไปในคลองชลประทานสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าผู้เสียชีวิตพยายามตะเกียกตะกายหนีตายออกจากรถแต่ไม่สามารถออกได้จึงจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินการต่อไป