วันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2568 02:23 น.

ภูมิภาค

“กิจ หลีกภัย” ไม่ยอมแพ้! สู้คดีท่าเรือนาเกลือ ลั่นไร้เจตนาทุจริต

วันพุธ ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568, 18.00 น.

“กิจ หลีกภัย” อดีตนายก อบจ.ตรัง มอบทนายแถลงหลังถูกศาลพิพากษาคดีท่าเรือนาเกลือ ยืนยันไม่มีเจตนาทุจริต เตรียมอุทธรณ์สู้คดี ซัดแรง ป.ป.ช. ใช้อำนาจไม่เที่ยงธรรม


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ บ้านวิเศษกุล เลขที่ 183 ถนนวิเศษกุล ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง นายกิจ หลีกภัย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง มอบหมายให้นายชัยพร ชูเสน ทนายความส่วนตัว และนายธโนภาส สินไชย ร่วมกันแถลงข่าวหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาจำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 68,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ในคดีไม่ปฏิบัติตามระเบียบราชการ กรณีให้บริษัทเอกชนนำเครื่องจักรกลให้บริการที่ท่าเรือนาเกลือ
 

คดีนี้สืบเนื่องจากการที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายกิจ หลีกภัย กรณีจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) ให้นำเครื่องจักรกล 8 รายการเข้ามายกขนสินค้าและจอดประจำที่ท่าเรือบ้านนาเกลือ โดยไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการจอดตามระเบียบ ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลพิพากษาดังกล่าว
 

ทีมทนายความของนายกิจฯ ชี้แจงว่า ป.ป.ช. ไม่ใช่องค์กรที่แสดงถึงความสุจริต โปร่งใส อย่างแท้จริง โดยยกกรณีคดียืมนาฬิกาเพื่อนที่ ป.ป.ช. ถูกศาลปกครองสูงสุดสั่งให้เปิดเผยข้อมูลแต่ยังมีการปกปิดจนถูกศาลลงโทษ และนำไปสู่การที่นายวีระ สมความคิด ยื่นฟ้องอาญาต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. รวม 12 ราย ซึ่งสะท้อนถึงพฤติการณ์อันไม่เหมาะสมขององค์กร
 

สำหรับสำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดตรัง ก่อนมีมติชี้มูลความผิด ได้มีการไต่สวนโดยอดีตหัวหน้าสำนักงานฯ ซึ่งปัจจุบันย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่นแล้ว และเสนอความเห็นว่านายกิจฯ จงใจฝ่าฝืนระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2541 และระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการให้เอกชนดำเนินกิจการของ อบจ.
 

จากการกระทำที่ไม่ผ่านกระบวนการศึกษา วิเคราะห์ เสนอสภา และไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงไม่มีการประกาศเชิญชวนหรือเปิดประมูล นายกิจฯ จึงถูกชี้มูลว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ
 

ทนายความเปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายกิจฯ ได้แจ้งความดำเนินคดีกลับกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ตรัง ฐานหมิ่นประมาท และได้ร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ดังกล่าว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ตรัง ยังได้ฟ้องกลับนายกิจฯ และนายชาญยุทธ เกื้ออรุณ ฐานหมิ่นประมาทอีก 1 คดี ซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องให้นายกิจฯ ชนะทั้งสามศาล
 

สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัท ชูไก จำกัด ได้นำเครื่องจักรกลมาจอดเกิน 24 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แล้ว
 

แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาในความผิดตามมาตรา 151 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ นายกิจฯ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาทุจริต เพียงแต่ดำเนินการตามคำแนะนำของเลขานุการนายกฯ ซึ่งมีความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องผ่านสภาอบจ.หรือเสนอผู้ว่าฯ เพื่อขอความเห็นชอบ
 

ทนายความยังระบุด้วยว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นความกล้าหาญทางการบริหาร เนื่องจากในเวลานั้น อบจ.ตรัง มีภาระต้องเสียค่าเช่าท่าเรือปีละ 1 ล้านบาท แต่ยังไม่มีเรือสินค้าเข้าใช้บริการ การตกลงกับบริษัทชูไกฯ ซึ่งมีมูลค่าเครื่องจักรกว่า 124 ล้านบาท โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ ทำให้ อบจ.ตรัง สามารถเก็บค่าธรรมเนียมยกขนสินค้าได้ถึง 4.2 ล้านบาท ตลอดช่วง 2 ปีเศษ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เองก็มีมติว่าไม่มีความเสียหายเป็นจำนวนเงิน
 
นายกิจฯ ยืนยันจะใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ เพราะยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาทุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น พร้อมขอยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมดทำไปเพื่อประโยชน์ของ อบจ.ตรัง โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เป็นการส่วนตัว

หน้าแรก » ภูมิภาค