เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 25 เม.ย. 68 ณ หอประชุมพญานาครินทร์ ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อชาติและปวงชนชาวไทย โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ศาล อัยการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการในจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระโอรสในสมเด็จพระมหาราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ เสด็จพระราชสมภพ เมื่อพุทธศักราช 2098 ณ พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ขณะที่ทรงพระเยาว์ ทรงใช้ชีวิตอยู่พระราชวังจันทน์ จนกระทั่งพระเจ้าบุเรงนอง ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลกในสงครามช้างเผือก ทรงขอพระสุพรรณกัลยา และพระนเรศวร ไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดี ทำให้พระองค์ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ตั้งแต่มีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา ประทับอยู่กรุงหงสาวดี 8 ปี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อปีพุทธศักราช 2133 ทรงประกาศอิสรภาพให้ชาติไทย ในปีพุทธศักราช 2127 ตลอดพระชนชีพ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำสงครามอย่างกล้าหาญ และเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 25 เมษายน พุทธศักราช 2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา

สำหรับ “วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” คณะรัฐมนตรี ได้มีมติ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้วันที่ 25 เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเกียรติของพระองค์ ทรงเป็นวีรกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างล้ำเลิศ ทรงตรากตรำพระวรกาย ในการทำศึกสงครามตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีกับมหาอุปราชา จนได้ชัยชนะ ทำให้พระบรมเดชานุภาพ แผ่ไพศาลไปทั่วปฐพี

ส่วน ที่ บริเวณวัดและริมโขง บ้านนาสีดา ตำบลชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ นายเทพรัตน์ ตันตยานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นำจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยร่วมกันทำความสะอาด เก็บกวาดใบไม้ ขยะมูลฝอย ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ ปรับปรุงบริเวณโดยรอบวัดและริมโขงบ้านนาสีดา ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และสวยงามเหมาะกับการเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และพักผ่อนหย่อนใจ

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคี ความมีน้ำใจในสังคมไทย รวมถึง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการมุ่งทำประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อม สังคม และความเป็นอยู่ในชุมชน ให้มีสภาพที่สะอาดน่าอยู่

นอกจากนี้ ยังเป็นการประสานความร่วมมือร่วมกันทำงาน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะประชาชนจิตอาสา ในการเข้ามามีส่วนแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานของชาติ ให้กับคนในชาติ ในชุมชน ให้มีความสุขยั่งยืน สนองพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด ซึ่งการจัดกิจกรรม เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และทุกกฝ่ายตระหนักและให้ความสำคัญในการรักษาความสะอาด สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับสถานที่บริเวณดังกล่าว