วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ปปท นานกว่า 6 ชั่วโมง

แถลงต่อสื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์ เบื้องต้นสามารถตรวจสอบ บัญชีได้เพิ่มอีก 4 บัญชี จากเดิม 49 บัญชีรวมเป็น 53 บัญชี เส้นการเงินยังไม่กระจ่าง โดยส่วนนี้จะต้องมีเจ้าหน้าที่ ปปท ช่วยตรวจสอบเส้นเงินทุกช่องทาง รวมถึงตู้บริจาครอบๆ วัดทั้งหมด จุดขายวัตถุมงคล จุดขายอาหารปลา รวมไปถึงค่าเช่าที่วัด ส่วนยอดแต่ละเดือนยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่ละวันเก็บได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล อย่างช่วงนี้มีเด็กนักเรียนเปิดเทอม การบริจาคเงินและทำบุญคนก็จะน้อยลง ส่วนการทำบัญชีรายรับรายจ่ายวัดไร่ขิง เป็นวัดต้นแบบ ในการทำบัญชีแบบรายวัน และสรุปยอด รายรับรายจ่ายเป็นรายเดือนอยู่แล้ว เพื่อรายงานให้สำนักพุทธทาสศาสนาทราบส่วนการรายงานเรื่องรายรับรายจาายให้สำนักพุทธศาสนาทราบ จะครบถ้วนหรือไม่จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ในเรื่องการเคลื่อนไหวของบัญชี มีบัญชีไหนเล็ดลอดออกไป ที่เราต้องทำการบ้านต่อ ทางตำรวจกับเจ้าหน้าที่ ปปท กำลังตรวจสอบทุกมิติ เพื่อจะได้ข้อเท็จจริง เราจะทำมาตรฐานให้วัดต่างๆ ที่มาทึ่ไปของรายได้ให้มันชัดเจน ไม่ใช่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ที่หลวงพ่อจะสั่งซ้ายหันขวาหัน ทำให้ระบบของการเงินมันรวน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทางวัด และการปฎิบัติตัวของพระสงฆ์ ในภายภาคหน้า ส่วนเจ้าหน้าที่ ปปท จะเป็นคนรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ในการเข้าไปแก้ปัญหา ณ.ตอนนี้เรากำลังแก้ปัญหาภายในวัดไร่ขิง ถ้าเห็นอะไรผิดปกติเพิ่มขึ้นมาอีก เราก็ต้องเดินหน้าต่อ เรื่องนี้เราไม่ปิดบังอยู่แล้ว

เรามาเพื่อแก้ปัญหา เพื่อจะทำให้วัดเป็นที่สักการะและเคารพของประชาชน ไม่ได้มาเพื่อสร้างความปั่นป่วนหรือมาสร้างความไม่เชื่อถือ ส่วนพระสงฆ์อาจจะกระทบกระเทือนบ้าง แต่สิ่งดีๆ ก็จะตามมา เราในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วเมื่อไหร่ใครจะมาแก้มันก็ต้องแก้ไปปรับไป ทางเถระสมาคม ก็ต้องไปบริหารจัดการ หรือสำนักพุทธทาสศาสนา ต้องไปบริหารจัดการในสิ่งที่ติติงไป เพื่อให้ควรแก้ไข ไม่อย่างนั้นระบบมันก็จะเป็นอยู่แบบนี้