วันเสาร์ ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 18:57 น.

ภูมิภาค

ญาติโวยตร.กราดยิงเอ็ม16 ฟ้องพยายามฆ่า

วันเสาร์ ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 12.51 น.

ญาติและชาวบ้านโวยโหดไปเปล่า ไม่สวมเครื่องแบบตำรวจลากเอ็ม16 กระหน่ำห่ากระสุนนับสิบใส่รถคนต้องสงสัยว่ามั่วสุมยาเสพติด จนต้องหนีไปแจ้งความข้ามจังหวัด แต่ไม่วายโดยหมายจับข้อหาเพียบ  
         

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นายพัฒนเวไนย บุญรักษา ทนายความ นำตัวนายธนะวิทย์หรือ แฮก  อายุ 22 ปี ชาว จ.ชุมพร เข้ามอบตัวต่อ ตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 105/2568 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 68 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,มียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยมี ร.ต.อ.ยุตพงศ์ บางหรง รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพรและมี พ.ต.ท.สานิช หนูคง รอง ผกก.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในการร้องขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดชุมพร ลงมาดำเนินการกำกับการสอบสวนปากคำด้วยตนเอง
          

โดย พ.ต.ท.สานิช หนูคง รอง ผกก.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 68 เวลาประมาณ 12.30 น.ทาง ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ ศักดิ์แสง รอง สว.สืบสวน ตร.ภ.8 ได้สืบทราบว่า นายธนะวิทย์ ซึ่งเป็นบุคคลเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ได้เข้ามามั่วสุมเสพยาเสพติด ชาว จ.ชุมพร ซึ่งทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ น.ส.อรวรรณ อายุ 33 ปี ซึ่งศักดิ์เป็นญาติ จึงได้นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน ตร.ภ.8 ลงพื้นที่เป้าหมาย เพื่อตรวจสอบและจับกุม
           

พ.ต.ท.สานิช หนูคง รอง ผกก.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร กล่าวว่า หลังจากที่กำลังเจ้าหน้าที่ไปถึงก็พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนเดียวสีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บล 5203 ชุมพร จอดอยู่หน้าบ้านหลังดังกล่าว โดยมีนายธนะวิทย์ ยืนอยู่ใกล้กับรถ เจ้าหน้าที่จึงได้เปิดประตูรถกรูลงไปเพื่อขอตรวจค้น แต่นายธนะวิทย์ เห็นเจ้าหน้าที่กับเปิดประตูรถขับออกไป ซึ่งหากปล่อยให้หลบหนีไปได้ เกรงจะทำลายหลักฐานทิ้ง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืน ยิงล้อยาง แต่นายธนะวิทย์ ก็ยังสามารถขับรถหลบหนีไปได้ แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามขับรถไล่ ประกอบกับเส้นทางที่ใช้หลบหนีเป็นถนนในหมู่ มีตรอกซอกซอยเยอะ ทำให้เจ้าหน้าที่หลงทิศทาง และมาพบรถกระบะอีกที จอดทิ้งไว้ริมถนนห่างจากบ้านไปประมาณ 2 กม.ส่วนตัวนายธนะวิทย์ ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว โดยตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
          

พ.ต.ท.สานิช กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้กลับเข้าไปทำการตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปืน บีบีกัน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์การเสพยาและยาบ้า อีก 1 เม็ด จึงได้เชิญทางผู้ใหญ่บ้านมาร่วมเป็นพยานในการยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะขอหมายจับตัวนายธนะวิทย์ ในฐานความผิด “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งหลังจากที่ศาลได้อนุมัติจับ ได้เพียง 2 วัน วันนี้นายธนะวิทย์ ก็ได้เดินทางมามอบตัวพร้อมทนายความ โดยเบื้องต้น ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยังได้ฟ้องกลับเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.8 ซึ่งเป็นชุดเข้าตรวจค้นและจับกุม ซึ่งเป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่สามารถทำได้ และก็ต้องไปว่ากันในชั้นศาลต่อไป
         

ต่อมา ทางนายพัฒนเวไนย บุญรักษา ทนายความ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้นำตัวนายธนะวิทย์ มามอบตัวและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวน สภ.ทุ่งตะโก ได้สอบปากคำ โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง โดยมีตนเองซึ่งเป็นทนายความได้ร่วมฟังด้วย โดยนายธนะวิทย์ ได้ให้การว่า  เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 เวลาประมาณ 12.00 น.ได้ขับขี่รถยนต์กระบะ รุ่นดีแม็ก สีบรอนเงิน ทะเบียน บล-5203 ชุมพร จากบ้านพักอาศัยของผู้แจ้ง มาพบนายดาม หรือนายบุญฤทธิ์ ไชยภักดี ที่หน้าบ้าน น.ส.อรวรรณ พิมาน บ้านที่เกิดเหตุบ้าน เมื่อมาถึง ได้จอดรถไว้ที่หน้าบ้าน และเข้านั่งอยู่กับนายบุญฤทธิ์ ได้ประมาณ 1 ช.ม.จากนั้น นาย บุญฤทธิ์ ได้ไปทำงาน นายธนะวิทย์ จึงได้นั่งเล่นที่หน้าบ้าน ต่อมาได้มีเพื่อน ชื่อ อั้ม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง)ได้ขับรถยนต์กระบะแบบตู้ทึบ ผ่านมาและได้จอดแวะพูดคุยทักทาย สักพักหนึ่งได้ชับรถออกไป
            

นายพัฒนเวไนย บุญรักษา ทนายความ กล่าวว่า หลังจากนั้น นายธนะวิทย์ ได้ไปนั่งในรถยนต์กระบะ ของตนเองฝั่งคนขับ และไม่นานได้มีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว รุ่นเก่า ล้อแม็กสีดำ ไม่ทราบทะเบียน ขับมาจอดที่บริเวณหน้ารถของนายธนะวิทย์ และได้มีชายฉกรรจ์ ประมาณ 3 คน แต่งกายชุดธรรมดาทั่วไป โดยทุกคนถืออาวุธปืนยาว ลงมาจากรถ ด้วยความตกใจ นายธนะวิทย์ จึงได้สตาร์ทเครื่องยนต์และขับหลบหนีไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนตั้งขึ้นประมาณ 10 นัด ดังไล่หลังมา ซึ่งขับรถหนีไปได้ประมาณ 2 กม.รถได้เสียหลักตกลงริมถนนข้างทาง และได้ตรวจดูปรากฏว่าล้อยางด้านหน้าข้าง จึงได้โทรศัพท์หาเพื่อนมารับ ให้ไปส่งบ้านญาติที่อำเภอท่าชนะ และได้ประสาน นายพัฒนเวไนย บุญรักษา ทนายความ พาไปลงบันทึกแจ้งความ ที่ สภ.ท่าชนะ ไว้เป็นหลักฐาน
          

นายพัฒนเวไนย บุญรักษา ทนายความ กล่าวต่อว่า และในวันนี้ หลังจากที่ทราบว่า ตำรวจได้ออกหมาย จับ จึงได้นำนายธนะวิทย์ มามอบตัวเพื่อสู้คดี ขอความเป็นธรรม และพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ ศักดิ์แสง และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายผู้ที่ลงลายมือชื่อในชุดที่ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับนายธนะวิทย์ ในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อสู่ขัดขวางเจ้าพนักงาน และพยายามทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งกรณีที่ตำรวจชุดดังกล่าว ใช้อาวุธยิงใส่รถยนต์ทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันแจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน และยืนยันจะแจ้งความดำเนินคดี ร่วมกันพยายามฆ่ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว อีกด้วย
            

ต่อมา ทาง น.ส.อรวรรณ พร้อมด้วย นายบุญฤทธิ์ สองสามีภรรยา ได้เดินทางมาที่ สภ.ทุ่งตะโก เพื่อมาเป็นพยานให้กับนายธนะวิทย์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ด้วยการสอบปากคำนายธนะวิทย์ ใช้เวลานานหลายชั่วโมง จึงต้องเลื่อนไปในวันพรุ่งนี้
          

อย่างไรก็ตาม ทาง น.ส.อรวรรณ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่  22 พฤษภาคม เวลาประมาณ บ่าย13.30 น.ตนเองได้รับแจ้งจากแม่ของตนเองว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน ตนเองซึ่งกำลังทำงานอยู่จึงได้รีบกลับมาที่บ้าน เมื่อมาถึงก็พบว่า บ้านถูกรื้อค้น ข้าวของกระจัดกระจาย ตนเองจึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเข้าไปในบ้านของตนเองได้ยังไง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกกับตนเองว่า บ้านได้ถูกเปิดไว้แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ได้เข้ามาตรวจค้นนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า บ้านหลังดังกล่าวมีการมั่วสุมกัน จึงได้ทำการตรวจค้น  ซึ่งจากการตรวจค้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก ปืนบีบีกัน 2 กระบอก ยาบ้า 1 เม็ด และอุปกรณ์การเสพยา ซึ่งเบื้องต้นนางอรวรรณ ได้ปฏิเสธว่าของดังกล่าวไม่ใช่ของตนเองและน่าจะไม่ใช่ของนาย ธนะวิทย์ น้องชายแน่นอน และวันนี้ ทางตำรวจก็ได้ตรวจปัสสาวะแล้วก็ไม่พบมีสารเสพติดแต่อย่างใด  
          

น.ส.อรวรรณ กล่าวว่า ที่ตำรวจบอกว่า บ้านเปิดไว้แล้ว และมาเจอน้องชายมั่วสุมยาเสพติดกันอยู่ ตอนแรกตนเองยอมรับว่าตกใจและเชื่อในสิ่งที่ตำรวจพูด แต่พอมาคิดดูใหม่ เป็นไปไม่ได้เลย เพราะ น้องชาย ไม่มีกุญแจบ้านและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากุญแจอีกดอก ตนเองใส่ไว้ในตะกร้ารถ จยย.มีผ้าปิดไว้ ซึ่งจะมีลูกสาวและลูกชายเท่านั้นที่รู้ และทางน้องชาย ก็ไม่เคยจะเข้าไปในบ้านหากไม่มีใครอยู่ และหากมาก็มาเพียงคนเดียว หรือบางครั้งก็จะมีเพื่อน 1-2 คน ที่มาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะนายบุญฤทธิ์ สามีตน เป็นช่างซ่อม และมาก็อยู่ไม่นาน และยิ่งบอกว่ามั่วสุมกันอยู่หลายคน แล้วเวลานั้น ทำไมไล่จับน้องชายเพียงคนเดียว ส่วนอีกหลายคนหลายไปไหน ทำไมจับไม่ได้เลยสักคน
         

ในขณะเดียวกัน ทาง นายบุญฤทธิ์ ไชยภักดี ได้ยอมรับว่า อาวุธปืนทั้งหมดและยาบ้า 1 เม็ด ที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นเจอนั้น เป็นของตนเองไม่ใช่ของนายธนะวิทย์ และตนเองขอยืนยันว่า วันเกิดเหตุนั้นตนได้มาที่บ้านในช่วงเที่ยงเพื่อมากินข้าวกลางวัน และได้เจอกับนายธนะวิทย์ จริงและทางแม่ยาย ก็ได้ให้นายธนะวิทย์ เดินไปเก็บใบมะกรูดมาเพื่อจะทำห่อหมก ซึ่งตนเองก็ปิดบ้านอย่างดี ก่อนจะไปทำงาน และระหว่างทางก็ยังเห็นรถยนต์เก๋งคันที่ตำรวจใช้ขับสวนทางเข้ามา แต่ไม่คิดว่าเป็นรถตำรวจ จนมาถึงที่ทำงานไม่นาน แฟนโทรมาบอกว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนเองติดงาน ไม่สามารถไปได้ จึงปล่อยให้แฟนและแม่ยายไป
               

ต่อมาทาง น.ส.อรวรรณ พร้อม นายบุญฤทธิ์ ได้พาผู้สื่อข่าวไปยังบ้านที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ลักษณะยังสร้างไม่เสร็จ ปลูกอยู่ริมถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน ท่ามกลางสวนยางพารา มีบ้านเรือนของเพื่อนบ้านปลูกใกล้กัน เพียงไม่กี่หลัง และโดยรอบๆบ้านมีอุปกรณ์ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า วางกระจัดกระจายไปทั่ว ส่วนภายในบ้านสังเกตพบว่ามีข้าวของวางตั้งระเกะระกะไปทั่ว จนแทบจะไม่มีที่ว่างสำหรับนั่งมั่วสุมได้หลายคน
               

ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม คุณยาย ซึ่งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านของ น.ส.อรวรรณ พิมาน ทราบว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้น ตนเองเห็นนายแฮก หรือนายธนะวิทย์ ได้เดินมาเก็บใบมะกรูด ที่อยู่บริเวณใกล้บ้านของตนเอง และเมื่อนายแฮกเก็บใบมะกรูด เสร็จเรียบร้อยแล้วก็กำลังเดินกลับไป ที่บ้านของป้า ในระหว่างเดินกลับไปนั้น ผ่านหน้าบ้านของ น.ส.อรวรรณ ก็ได้มีรถกระบะตู้ทึบซึ่งเป็นรถส่งพัสดุ มาจอดบริเวณหน้าบ้านแล้วขับออกไป สักพักได้มีรถเก๋งสีขาวตามมาจอด ซึ่งเมื่อรถเก๋งคันดังกล่าว มาจอด ก็ได้มีผู้ชาย ประมาณ 3-4 คนลงมาจากรถ พร้อมปืน และ ไล่ยิงนายแฮกทันที ซึ่งแฮกเมื่อเห็นชายคนดังกล่าวซึ่งภายหลังทราบว่าเป็นตำรวจลงจากรถและถืออาวุธปืนมาก็ได้ขึ้นรถและพยายามขับรถหนี และตำรวจก็พยายามไล่ยิง ซึ่งตนเองนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น ได้ยินเสียงปืนดังมาก ก็มีความหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้หนีไปไหน
               

คุณยาย เล่าว่าในวันที่ตำรวจมานั้นบ้านของ น.ส.อรวรรณ ก็ถูกปิดไว้ ไม่ได้มีใครเปิดประตูทิ้งไว้ ซึ่งจากการสอบถาม ว่า แฮกได้มามั่วสุมที่บ้านของ น.ส.อรวรรณ หรือเปล่านั้น คุณยาย ก็ให้ข้อมูลว่าไม่มีใครมามั่วสุม และในวันดังกล่าว นายแฮกก็เข้ามาคนเดียว ซึ่งสอดคล้องกับเพื่อนบ้านอีกราย ที่นายแฮก ไปเก็บใบมะกรูด ที่บอกว่า เห็นนายแฮก มาเพียงคนเดียว และยังได้ยินเสียงในมือมีถุงของ ไอ้ที่คำว่าถุงของนั้นนะคือถุงใบมะกรูดไม่ใช่ยาเสพติด
               

ด้านนางเครือวัลย์ พิมาน อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ น.ส.อรวรรณ และเป็นป้า ของนายธนะวิทย์ หรือ แฮก กล่าวว่า โดยวันนั้นตนเองตั้งใจจะทำห่อหมก จึงได้จัดแจงจัดการวัตถุดิบอยู่ที่บ้านซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ และขณะนั้น นายแฮก หลานชาย ได้ขับรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านลูกสาว ก่อนจะมาที่บ้านเพื่อจะกินข้าว ซึ่งเป็นปกติที่นายแฮก หลานชายมาแวะเวียนมากินข้าว และตนก็ได้สั่งให้ไปช่วยเก็บใบมะกรุดเพื่อมาหั่นซอยใส่โรยหน้าห่อหมก และเมื่อหลานชายหายไปพักก็มีรถยนต์ตู้มาจอดที่หน้าบ้านใกล้รถยนต์ของนายแฮก
               

นางเครือวัลย์ กล่าวต่อว่า และไม่นานก็มีรถยนต์เก๋ง ขับมาอีกคันหลังจากรถยนต์ตู้ ขับออกไปแล้ว ซึ่งตนก็เห็นมีคนลงมาจากรถเก๋งพุ่งมาที่หลานชาย สักพัก็ได้ยินเสียงปืนดังสั่นหลายนัด ตนเองกลัวต้องหมอบลงกับพื้นที่ เมื่อหน้าก็เห็นรถหลานขับขับออกไปอย่างรวดเร็ว และมีรถเก๋งขับไล่ตาม ไม่นานพวกนั้นก็กลับมา ตนเองได้ไปถามก้ถูกดุว่า ไม่เห็นหรือว่าเขามั่วสุมกันที่บ้าน ซึ่งตนเองก็พูดสวนไปว่ามั่วสุมอย่างไง ที่บ้านเขาปิดประตู และหลานก็มาเพียงคนเดียว ถ้ามั่วสุมและทำไมต้องวิ่งไล่จับหลานเพียงคนเดียว แล้วคนอื่นที่มามั่วสุมไปไหนกันหมด
               

นางเครือวัลย์ ยังกล่าวว่า ตำรวจมายังกับโจร รถก็ไม่ใช่ ชุดก็ไม่ใช่ เป็นใครๆ ก็ต้องตกใจ อยู่ๆมีคนแห่ลงมาหลายคนพร้อมปืน แล้วใครจะอยู่ มันก็ต้องหนีเป็นธรรมดา  และหลังจากนี้ต่อไปจะอยู่กันอย่างไร ขนาดมาคนเดียวยังหาว่ามั่วสุมและต่อไปจะโยนยาเสพติดซุกใส่บ้านของชาวบ้านหรือเปล่าไม่รู้ ยอมรับว่ากลัว
               

ส่วนผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ยอมรับว่า วันเกิดเหตุตนเองได้รับการประสานมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ไปร่วมเป็นพยานในการตรวจค้นของกลาง ซึ่งตนเองไปนั้นก็ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ตนเองไปก็เห็นมีของกลางเป็นอาวุธปืน 2-3 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน และก็มีถุงบรรจุยาเสพติด ส่วนยาเสพติดนั้นไม่มีแสดงให้เห็นเป็นของกลางในการตรวจยึดในบันทึกแต่อย่างใด ส่วนนายธนะวิทย์ ซึ่งเป็นลูกบ้านคนนี้ ตนเองก็ไม่ได้มักคุ้นเท่าไหร่ จะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ ตนเองไม่สามารถยืนยันหรือรับรองได้ แต่ก็คงมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจค้นดังกล่าว

 

 

หน้าแรก » ภูมิภาค