สิทธิ์ที่ดิน VS สิทธิ์ใช้น้ำ! สองผัวเมียถูกตัดน้ำประปาหมู่บ้าน เหตุไม่ยอมเปิดทางเข้าศาลปู่ตา

อำเภอนาโพธิ์ / ผู้ใหญ่บ้านที่ถอดมิเตอร์น้ำประปาไม่ให้สองสามีภรรยาใช้ ฐานไม่ยอมเปิดทางให้ชาวบ้านเข้าไปถึงศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน ยังคลุมเคลือทั้งสองฝ่ายยังไม่ตกลงกันด้วยเหตุผลคนละมุม อบต.ยันถ้าไม่เปิดทางจะไม่ต่อน้ำ เจ้าของที่ดินยันรักษาสิทธิ์ในที่ดินของตัวเอง

วันที่ 29 พ.ค.68 กรณีนายฉลู เปรียวไธสง อายุ 62 ปี และนางบุษกร เปรียวไธสง อายุ 62 ปี  สองสามีภรรยาอยู่บ้านเลขที่ 222 บ้านโพธิ์พัฒนา ม.13 ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อ

ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากถูกนางเยาวมาลย์ รักงาม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านจอก หมู่ที่ 3 พร้อมพวกร่วมกันถอดมิเตอร์น้ำประปาหมู่บ้านเพื่อไม่ให้ใช้น้ำต่อ ให้เหตุผลว่าสองสามีภรรยา ล้อมรั้วในที่ดินของตัวเองโดยไม่แบ่งที่ดินเป็นทางเดินเข้าไปศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน 

ขณะสองสามีภรรยาให้เหตุผลว่าที่ดินเป็นโฉนดเป็นของตัวเองต้องการล้อมรั้วเพื่อป้องกันคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สินที่หายเป็นประจำ ส่วนทางที่จะเข้าไปหาศาลปู่ตา มีเส้นทางอื่นอยู่แล้ว

จนกระทั่งผู้ใหญ่บ้านออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริงการล้อมรั้วของสองสามีภรรยาจงใจทิ้งภาระให้กับชาวบ้านเพราะอีกเส้นทางหนึ่งเป็นที่ดินของคนอื่น ประกอบกับชาวบ้านเคยเดินเส้นทางนี้ ส่วนเรื่องถูกขโมยทรัพย์สินเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนจะต้องเจอ

ความคืบหน้าล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามนายพนมรุ้ง โพธิ์ขำ อายุ 70 ปี สมาชิก อบต. หมู่ที่ 3 บ้านจอก เล่าว่าก่อนที่จะมีการตัดมิเตอร์น้ำตนได้ร่วมประชาคมด้วยกันกับชาวบ้านทั้งหมดประมาณ 60-70 คนจากชาวบ้านประมาณ 400 คน ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันและลงมติว่าถ้าเขาไม่ให้ผ่านทางเราก็ไม่ให้ใช้น้ำ

ส่วนทางที่เจ้าของที่ทำไว้ให้ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งมันไม่ใช่ทางของเขาแต่เป็นที่ดินของคนอื่น ส่วนจะผิดกฎหมายเรือไม่ตนไม่ทราบ ถ้ามีความผิดก็จะผิดทั้งหมู่บ้านเพราะมีการลงมติว่าให้ตัดน้ำโดยไม่มีข้อแม้

จริงแล้วถ้าสองสามีภรรยามาติดต่อเราว่า “ผมจะให้ผ่านทางได้” มาขอเราดีๆเราก็จะให้ใช้น้ำได้เหมือนเดิมแค่นั้นเรื่องมันก็จบ คือถ้าให้ผ่านทางเหมือนเดิมก็จะต่อน้ำให้ ถ้าจะล้อมรั้วจะต้องเหลือที่ดินให้ชาวบ้านเดิน

ทั้งหมดจะต้องรอให้เจ้าของที่มาสารภาพยอมรับให้ผ่านที่ดินก่อนจึงจะต่อมิเตอร์ให้ ยอมรับว่าประปาหมู่บ้านเป็นของ อบต.และยกให้หมู่บ้านเป็นคนดูแล สรุปถ้า “เขาไม่ให้ไปเราไม่ให้ใช้”