บุรีรัมย์ – ชาวบ้านแนวชายแดนที่ได้รับเงินเยียวยาจากเหตุความไม่สงบ เจียดเงินบางส่วนร่วมฉลองตามวิถีชนบท ขณะประธานสภาเทศบาลเผยยังมีกว่า 800 ครัวเรือนไม่ได้รับสิทธิ์ เพราะติดเงื่อนไข “ไม่ได้อพยพ” วอนรัฐบาลทบทวน ชี้กลุ่มนี้เสี่ยงและลำบากไม่ต่างกัน

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สีแดงตามแนวชายแดนในอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางราชการจัดเตรียมไว้ เพื่อความปลอดภัย

ต่อมาเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย รัฐบาลได้จ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่ รายละ 2,000–5,000 บาท ส่วนใหญ่ได้รับครอบครัวละ 5,000 บาท เนื่องจากอพยพออกจากบ้านเกิน 8 วัน

ชาวบ้านส่วนใหญ่ระบุว่า เงินที่ได้รับนำไปใช้หนี้สิน ซื้ออาหารกักตุน เติมน้ำมันรถไว้เผื่อเหตุจำเป็น หรือแบ่งไว้ใช้จ่ายในครอบครัว บางรายก็เจียดเงินส่วนหนึ่งมาร่วมวงฉลองเล็กๆ ตามวิถีชาวบ้าน หลังผ่านพ้นเหตุการณ์ตึงเครียด

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สีแดงเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้อพยพออกจากบ้าน เนื่องจากมีความจำเป็นส่วนตัว เช่น ต้องดูแลทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยง จึงอาศัยอยู่ใกล้หลุมหลบภัยเพื่อหลบกระสุนและเสียงปืนใหญ่เมื่อเกิดเหตุ โดยกลุ่มนี้กลับไม่ได้รับเงินเยียวยา เนื่องจากระเบียบราชการกำหนดไว้ว่า “ผู้ที่ไม่ได้อพยพออกจากพื้นที่จะไม่ได้รับเงินเยียวยา”

นายสมศักดิ์ อายุ 38 ปี ชาวบ้านหนองแวง ตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย กล่าวว่า เงินเยียวยาที่ได้รับถือว่าเป็นเงินตกเบิก ได้มาเป็นก้อนจึงแบ่งใช้ตามความจำเป็น ส่วนหนึ่งก็นำมาเลี้ยงฉลองกับเพื่อนบ้านหลังเหตุการณ์สงบ

ส่วนนายสวัสดิ์ อายุ 52 ปี กล่าวว่า เงิน 5,000 บาทที่ได้รับนำไปใช้หนี้บางส่วน ซื้ออาหารให้ครอบครัว และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น เงินก้อนนี้ถือเป็นกำลังใจให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ

ด้านนายณัฐพงศ์ เหมทอง ประธานสภาเทศบาลตำบลหนองแวง เปิดเผยว่า ในพื้นที่ตำบลหนองแวงมีครัวเรือนในเขตพื้นที่สีแดงประมาณ 5,000 ครัวเรือน ได้รับเงินเยียวยาแล้วประมาณ 4,150 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือกว่า 800 ครัวเรือนเป็นกลุ่มที่ไม่ได้อพยพ เพราะเป็นห่วงทรัพย์สินในบ้านจึงอยู่เฝ้า ทำให้ไม่ได้รับสิทธิตามระเบียบของรัฐ

นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้มีเหตุผลส่วนตัวและต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ร้านค้าปิด ขาดแคลนอาหาร ต้องอาศัยอาหารจากเจ้าหน้าที่ที่นำมาช่วยเหลือแต่ไม่เพียงพอ จึงอยากฝากให้รัฐบาลทบทวนระเบียบดังกล่าว เพื่อให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

เฉพาะในตำบลหนองแวง มีผู้ไม่ได้รับเงินเยียวยากว่า 800 ครัวเรือน และคาดว่าในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น อำเภอประโคนชัย และอำเภอละหานทราย รวมถึงบางพื้นที่ของจังหวัดอื่นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เดียวกัน อาจมีชาวบ้านที่ตกหล่นจากการได้รับเงินเยียวยาอีกจำนวนมาก