วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคกลางยังคงได้รับผลกระทบจากมวลน้ำทางภาคเหนือที่ไหลลงมาสมทบ โดยที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 2,685 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น ส่วนสถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.18 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) อัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนทรงตัวอยู่ที่ 15.47 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ห่างจากตลิ่ง 87 เซนติเมตร โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากฝนตกหนักทางภาคเหนือและการเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบนไหลมาสมทบที่เขื่อนเจ้าพระยา

สำหรับพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะในอำเภอสรรพยา มีประชาชนได้รับผลกระทบใน 5 ตำบล รวม 25 หมู่บ้าน จำนวน 1,927 ครัวเรือน 5,168 คน ประชาชนกว่า 600 ครัวเรือนยังคงอาศัยอยู่ริมถนนสายคันคลองมหาราช เนื่องจากบ้านเรือนยังถูกน้ำท่วมและน้ำเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น รอการฟื้นฟูจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลง แต่ปัญหาที่ตามมาคือสภาพน้ำท่วมขังที่เปลี่ยนสีและมีกลิ่นเน่าเหม็น ทางเทศบาลตำบลโพนางดำออกได้ระดมเครื่องสูบน้ำ “ท่อพญานาคซิ่ง” กว่า 15 เครื่อง เร่งระบายน้ำเสียออกจากพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

นายมนตรี คุ้มเขตร์ นายกเทศมนตรีตำบลโพนางดำออก เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีน้ำท่วมขังภายในคันดินที่ใช้กั้นลำน้ำ ทำให้น้ำไม่สามารถถ่ายเทออกได้สะดวกและเริ่มเน่าเสีย เทศบาลจึงได้ประสานความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน อาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท กรมชลประทาน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท รวมถึงนำเครื่องสูบน้ำท่อซิ่งของเทศบาลเองจำนวน 4 เครื่อง เข้าร่วมปฏิบัติการ

รวมแล้วมีการระดมเครื่องสูบน้ำกว่า 15 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำเสียออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชน คาดว่าในอีก 2–3 วัน บางจุดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและประชาชนสามารถกลับเข้าที่พักได้ แม้อาจยังไม่แห้งสนิทในบางพื้นที่ลุ่มต่ำ ขณะที่บางหมู่บ้านยังไม่สามารถสูบน้ำออกได้ เพราะน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยายังคงไหลเข้ามาเพิ่มเติม

นายกเทศมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า อุปสรรคตอนนี้คือฝนที่ตกลงมาเป็นระยะ ทำให้การสูบน้ำแห้งช้ากว่าที่คาด แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ถือเป็นข้อดี เพราะช่วยเจือจางน้ำเน่าเสียได้บางส่วน ก่อนที่เครื่องสูบน้ำจะเร่งระบายออก ลดปัญหากลิ่นเหม็นและความเดือดร้อนของประชาชนลงได้บ้าง