วันเสาร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2568 02:09 น.

ภูมิภาค

แห่สแกนม่านตา! ได้เงิน 500–2,000 บาท ฝ่ายปกครองสุรินทร์เตือนระวังข้อมูลส่วนตัว

วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 08.18 น.

วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหลายจังหวัด ภายหลังมีชาวบ้านจำนวนมากเข้าร่วมสแกนม่านตาเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ ซึ่งเทียบเท่ากับข้อมูล DNA โดยอ้างว่าจะได้รับเหรียญเงินดิจิทัล (คริปโต) ครั้งละ 500–2,000 บาท ขณะเดียวกันมีการเปิดสำนักงานรับสแกนกระจายอยู่หลายพื้นที่ทั่วประเทศ


ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า บริเวณอาคารตรงข้ามตึกช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ ถนนหลักเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีชื่อ และมีร้านถ่ายเอกสารอยู่ข้างเคียง มีประชาชนทั้งเด็ก วัยรุ่น คนหนุ่มสาว วัยทำงาน และผู้สูงอายุ เดินทางมารอคิวสแกนม่านตาเป็นประจำ โดยร้านดังกล่าวเปิดให้บริการมานานเกือบหนึ่งปีแล้ว และยังคงเปิดรับสแกนทุกวัน


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีชาวบ้าน 5 คน ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุ กำลังใช้โทรศัพท์ช่วยกันสแกนใบหน้าให้กับหญิงวัยกลางคนรายหนึ่ง จากการสอบถามทราบว่าทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกัน เดินทางมาจากอำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ ห่างจากตัวเมืองราว 30 กิโลเมตร โดยมีหลานสาวเป็นผู้นำพามา


หลานสาวให้ข้อมูลว่า ตนเคยมาสแกนม่านตาแล้วประมาณหนึ่งเดือน โดยได้รับคำแนะนำจากเพื่อน การสมัครไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และไม่ต้องใช้บัตรประชาชน ส่วนรายได้จะขึ้นอยู่กับความผันผวนของค่าเงินดิจิทัล สแกนเพียงครั้งแรกเท่านั้น จากนั้นเพียงใช้แอปพลิเคชันสแกนใบหน้าทุกครั้งเพื่อรับเหรียญคริปโต เธอยอมรับว่าเคยเห็นข่าวเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการสแกนม่านตามาก่อน แต่ไม่รู้สึกกลัว เพราะไม่ได้เสียเงินและยังได้เงินตอบแทน


ขณะเดียวกัน ชาวบ้านบางรายให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่รับสแกนว่าทำไมต้องสแกนม่านตา ได้รับคำตอบว่า “เพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่หุ่นยนต์”


ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายรองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ ซึ่งมอบหมายให้ นางสาวอรนุช เสนะชัย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้ให้ข้อมูลแทน โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายจากการสแกนม่านตาดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีผลกระทบหรือความเสียหายอย่างไรบ้าง


“เบื้องต้นยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ นอกจากการแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง เพราะผู้ที่ไปสแกนยังไม่ได้รับความเสียหาย และส่วนใหญ่ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินคริปโต ข้อมูลที่เก็บไปมีลักษณะคล้ายการยืนยันตัวบุคคล คล้ายลายนิ้วมือ แต่ระดับความละเอียดสูงกว่า เทียบเท่าการเก็บข้อมูล DNA” ปลัดอำเภอกล่าว


เธอกล่าวต่อว่า เมื่อสองเดือนก่อน กรมการปกครองได้มีการประกาศเตือนประชาชนเกี่ยวกับการสแกนม่านตาแล้ว และทางอำเภอเมืองสุรินทร์ก็เคยลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ที่ร้านดังกล่าว พบว่ามีประชาชนมาใช้บริการจำนวนมาก แต่ไม่สามารถสั่งปิดหรือดำเนินคดีได้ เนื่องจากยังไม่มีผู้เสียหายร้องเรียน


“หากมีประชาชนได้รับผลกระทบหรือเสียหายจากการสแกนม่านตา สามารถแจ้งเรื่องได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองสุรินทร์ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียหายเพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มาสแกนได้รับเงินตอบแทนเฉลี่ยคนละประมาณ 500 บาท บางรายได้ค่าชักชวนเพิ่มต่อคนด้วย” ปลัดอำเภอกล่าว

 

 

หน้าแรก » ภูมิภาค