วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:02 น.

ภูมิภาค

กดเงินได้งูแถม! สาวพยาบาลผงะหวิดโดนฉก โทรเรียกตำรวจช่วย หยิบได้ร้อยเดียวจาก 900

วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 19.29 น.

วันที่  24 ตุลาคม 2568  ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลคลิปจาก เพจคนสุรินทร์ทำดี ว่า เมื่อเวลา 09:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.ลำดวน จ.สุรินทร์  ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชนรายหนึ่งในเขตเทศบาลลำดวนสุรพินท์ ว่า พบงูไม่ทราบชนิดอยู่ในตู้ ATM (ไทยพาณิชย์) ขณะกดเงินออกจากตู้ ATM ที่ตั้งอยู่ติดกับสถาบันสินเชื่อเงินติดล้อชื่อดัง และไม่กล้าหยิบเงินออกจากช่องรับเงิน หลังรับแจ้งจึงลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.สุธี ศรีพรหม ผกก.สภ.ลำดวน, พ.ต.ต.บุญลือ ม่วงศรี สวป.สภ.ลำดวน

ที่เกิดเหตุพบหญิงสาวผู้แจ้งเป็นผู้ช่วยพยาบาล รพ.ลำดวน อ.ลำดวน กำลังยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้วยความตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการสอบถามทราบว่า ขณะที่กำลังกดเงินจากตู้ ATM เพื่อถอนเงินไปช่วยงาน และขณะที่ทำรายการถอนเงินจนเสร็จขั้นตอน กำลังจะหยิบเงินจากช่องจ่ายเงินนั้น ปรากฏว่า มีงูชนิดหนึ่งออกมาพร้อมเงิน ตนตกใจมากจึงไม่กล้าหยิบเงินที่ออกมาจากตู้ และรีบถอยหนีออกมา จนกระทั่งช่องจ่ายเงินปิดคืนโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่สามารถหยิบเงินที่กดจำนวน 900 บาท  ออกมาจากตู้ได้ พอตั้งสติได้จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ สภ.ลำดวน ให้มาช่วยเหลือดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำดวน ได้ตรวจสอบช่องรับเงินพบมีเงินแบ๊งค์ร้อยคาอยู่ แต่สามารถดึงเงินออกมาได้แค่ร้อยเดียวที่เหลือกลับเข้าไปคืนพร้อมกับงู โดยจนท.ตำรวจ บอกว่าตามที่เห็นคาดว่าน่าจะเป็นงูกะปะซึ่งเป็นงูมีพิษอีกชนิดหนึ่ง ก่อนจะได้ประสานทางธนาคารเจ้าของตู้ มาทำการเปิดตู้ตรวจสอบทั้งงูและเงินที่กดแล้วกลับเข้าไปคืนพร้อมกับงู และช่วงระหว่างรอการตรวจสอบความชัดเจน ให้งดใช้ตู้ชั่วคราวไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน

ทั้งนี้ตามข้อมูลอ้างอิง งูกะปะ(Malayan pit viper) เป็นงูพิษที่มีพิษอันตรายต่อระบบเลือด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Calloselasma rhodostoma จัดเป็นงูเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Calloselasma โดยไม่มีชนิดย่อย ที่อยู่ในวงศ์งูแมวเซา (Viperidae) พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีนไปจนถึงแหลมมลายู สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค แต่จะพบมากที่สุดในภาคใต้ เป็นงูที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในพื้น ๆ ที่มีการทำเกษตรกรรมได้ เช่น สวนยางพาราหรือสวนปาล์มน้ำมัน จึงมักจะมีผู้ถูกกัดอยู่บ่อย ๆ นับเป็นงูพิษที่มีอันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดที่พบในประเทศไทย ซึ่งพิษของงูกะปะนั้นมีผลต่อระบบเลือด ทำให้เลือดออกมากผิดปกติ เมื่อถูกกัดภายใน 10 นาทีหลังบริเวณรอบแผลที่ถูกกัดจะบวมขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งแขนหรือขาข้างนั้นบวมไปหมดภายใน 1 ชั่วโมง โดยในรอยเขี้ยวจะมีเลือดไหลตลอดเวลา บริเวณแขนขาที่บวมจะมีสีเขียวคล้ำ ผิวหนังเกิดพองตอนแรกมีน้ำใสต่อมาภายหลังมีเลือด ภายหลังถูกกัดไม่กี่วันรอยเขี้ยวจะเกิดการเน่า ทำให้ผิวหนังมีเลือดออกเป็นรอยคล้ำ เลือดออกทางเดินอาหาร ผู้ที่โดนกัดจะเสียชีวิตได้จากความดันโลหิตต่ำ ซึ่งความดันโลหิตต่ำ เกิดจากการเสียเลือดนั่นเอง[5] โดยคำว่า "กะปะ" เป็นภาษาใต้ แปลว่า "ปากเหม็น" ซึ่งหมายถึง แผลของผู้ที่ถูกกัดจะเน่าเหม็น จัดเป็น 1 ใน 7 งูพิษที่มีความสำคัญต่อวงการแพทย์และพิษวิทยา
 

หน้าแรก » ภูมิภาค