วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568 01:25 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

ฮวงจุ้ยพารวย

วรธนัส อัศกุลโกวิท : วันศุกร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 07.34 น.

รู้จักพลิกแพลงในการเรียน นำไปสู่การประยุกต์ที่ใช้ได้จริงของฮวงจุ้ย ตอนที่ 17

รู้จักพลิกแพลงในการเรียน นำไปสู่การประยุกต์ที่ใช้ได้จริงของฮวงจุ้ย ตอนที่ 17

ทิศทางการแขวนนาฬิกาในห้องของนักษัตรต่างๆ

          ในครอบครัวทั่วไป นอกจากจะมีนาฬิกาปลุกแล้วยังจะมีนาฬิกาแขวนที่เพื่อความสะดวกในการดูเวลา แต่จะแขวนไว้ในทิศทางใดจึงจะเหมาะสม? มีซินแสฮวงจุ้ยได้สรุปทิศทางที่เหมาะสมเอาไว้ตามปีนักษัตร ดังนี้

          ปีหนู

          เหมาะกับผู้เกิดปี 1924 1936 1948 1960 1972 1984 1996 2008 สามารถแขวนบนกำแพงเหนือของมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือในห้องได้

          ปีวัว

          เหมาะกับผู้เกิดปี 1925 1937 1949 1961 1973 1985 1997 2009 สามารถแขวนบนใจกลางของกำแพงเหนือในห้องได้

          ปีเสือ

          เหมาะกับผู้เกิดปี 1926 1938 1950 1962 1974 1986 1998 2010 สามารถแขวนบนกำแพงเหนือของมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือในห้องได้

          ปีกระต่าย

          เหมาะกับผู้เกิดปี 1927 1939 1951 1963 1975 1987 1999 2011 สามารถแขวนบนกำแพงตะวันตกของมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือในห้องได้

 

 

 

ปีมังกร

          เหมาะกับผู้เกิดปี 1928 1940 1952 1964 1976 1988 2000 2012 สามารถแขวนไว้ที่ใจกลางของกำแพงทิศตะวันตกในห้องได้

          ปีงู

หมาะกับผู้เกิดปี 1929 1941 1953 1965 1977 1989 2001 2013 สามารถแขวนบนกำแพงตะวันตกของมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ในห้องได้

ปีม้า

เหมาะกับผู้เกิดปี 1930 1942 1954 1966 1978 1990 2002 2014 สามารถแขวนบนกำแพงใต้ของมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ในห้องได้

ปีแพะ

เหมาะกับผู้เกิดปี 1931 1943 1955 1967 1979 1992003 2015 สามารถแขวนบนใจกลางของกำแพงทิศใต้ในห้องได้

ปีลิง

เหมาะกับผู้เกิดปี 1932 1944 1956 1968 1980 1992 2004 2016 สามารถแขวนบนกำแพงใต้ของมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ในห้องได้

ปีไก่

เหมาะกับผู้เกิดปี 1933 1945 1957 1969 1981 1993 2005 2017 สามารถแขวนบนกำแพงตะวันออกของมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ในห้องได้

ปีสุนัข

เหมาะกับผู้เกิดปี 1934 1946 1958 1970 1982 1994 2009 2018สามารถแขวนบนใจกลางของกำแพงทิศตะวันออกในห้องได้

ปีหมู

เหมาะกับผู้เกิดปี 1935 1947 1959 1971 1983 1995 2007 2019 สามารถแขวนบนกำแพงตะวันออกของมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือในห้องได้

เมื่อทราบถึงตำแหน่งนาฬิกาแขวนแล้ว สำหรับนาฬิกาอื่นๆ สามารถวางได้ตามความต้องการ ส่วนในเขตสาธารณะ เช่น ห้องรับแรก ก็ควรอาศัยปีเกิดของเจ้าบ้านเป็นหลัก หากตำแหน่งไม่ดีนักก็สามารถเลือกใช้ปีเกิดของสมาชิกคนอื่นในบ้านก็ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่

 

การสร้างฮวงจุ้ยที่ดีสุขภาพ

 

-     ฮวงจุ้ยของบ้านหยางส่งผลต่อสุขภาพของคน

-     ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้านด้วยวิทยาศาสตร์เพื่อเลี่ยงจากโรคบ้าน

-     อุณหภูมิและความชื้นในบ้านส่งผลต่อสุขภาพของคน

-     สร้างสภาพแวดล้อมฮวงจุ้ยในห้องที่ช่วยด้านการนอน

-     การใช้สีภายในห้องส่งผลต่อสุขภาพ

-     จัดไฟในห้องให้เหมาะสมกับฮวงจุ้ยและสุขภาพ

-     ปัญหาที่ควรต้องระวังขณะซ่อมแซมเพื่อสุขภาพ

-     พยายามลดปริมาณฟอร์มาลดีไฮด์ในห้อง

-     ระวังผลกระทบต่อรังแสคลื่นไฟฟ้าในบ้านที่ส่งผลต่อสุขภาพ

-     เทคนิคลดสิ่งที่ไม่ดีในบ้าน

-     ข้อควรระวังขณะกำจัดแบคทีเรียในบ้าน

-     สิ่งที่ควรระวังขณะทำความสะอาดห้องครัว

-     เลี่ยงจากการทำร้ายที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ส่งผลต่อสุขภาพของคน

-     ข้อต้องห้ามเกี่ยวกับสุขภาพในการวางพืชไว้ในบ้าน

 

 

ฮวงจุ้ยของบ้านหยางส่งผลต่อสุขภาพของคน

         

ตำราหวงตี้เน่ยจิง(黄帝内经)กล่าวไว้ว่า อายุของคนทั่วไปนั้นควรจะอยู่ที่ 100 ปีขึ้นไป เช่นนี้แล้วจึงจะทำให้คนเราใช้ชีวิตได้คุ้มค่าที่สุด

         

สาเหตุการตายของคนเรานั้นมีอยู่มากมาย และด้วยเพราะภายใต้ธรรมชาติ สังคมมีข้อจำกัดบางอย่าง จึงทำให้มนุษย์เรานั้นกลายเป็นสิ่งเล็กๆ เท่านั้นท่ามกลางธรรมชาติและสังคม ด้วยเหตุนี้จึงต้องได้รับผลกระทบต่างๆ จากสภาพแวดล้อม มีโรคมากมายที่ไม่ใช่เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถอธิบายได้ แต่ จากการศึกษาการปลูกสร้างแล้ว ผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่มีต่อคนและการปฏิบัติยืนยันจำนวนมากนั้นทำให้เราทราบได้ว่าสภาพแวดล้อมสิ่งก่อสร้างเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อย่างมาก

         

สุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ทำให้คนพัฒนา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนเราใช้วิธีต่างๆ มาวิจัยสุขภาพและความยืนยาวของชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ที่มีอำนาจ เงินทองมากมายจนสามารถส่งคนไปที่ญี่ปุ่นเพื่อคนหายาเทวดาเป็นอมตะได้นั้น สุดท้ายก็จะต้องถึงเวลาที่ชีวิตสิ้นสุด

 

         

กล่าวได้ว่าการเกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นชะตาที่จะต้องยอมรับ แต่เราควรที่จะเลือกเผชิญหน้ากับชีวิตด้วยวิธีที่มั่นคงและมีพลัง แต่ไม่ได้รอคอยการตายอย่างอ่อนแอ เจ็บป่วย ดังนั้นแล้วจะทำให้สนามแม่เหล็กบ้านหยางนำมาซึ่งความร่ำรวยและสุขภาพที่ดีให้กับเราจนทำชีวิตมีคุณค่าและน่าเคารพได้อย่างไรนั้นถือเป็นปัญหาที่ทุกคนจะต้องตระหนักถึง

         

จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันได้ว่า ร่างกายของคนเราจะมีสนามอุณหภูมิ สนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า จนกลายเป็นสนามข้อมูลที่มีชีวิต และข้อมูลที่มีชีวิตนี้จะสร้างคลื่นชีวภาพที่สอดคล้องกันขึ้น

         

จากการยืนยันของเครื่องทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เมื่อร่างกายของคนปล่อยคลื่นชีวภาพออกมา แค่เพียงในบ้านหยางมีคลื่นที่สัมพันธ์กับคลื่นชีวภาพนี้ พลังงานนี้ก็จะถูกคนซึมซับเข้าไปจนทำให้กระแสเลือดในร่างกายของคนเราไหลเวียนได้ เกิดเป็นเมตาบอลิซึมใหม่ และทำให้เซลล์มีชีวิต พลังการทำงานของเลือดลมในชีพจรให้ทำงาน เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย

         

เมื่อมีคนอาศัยอยู่ในบ้านที่ดีหลังหนึ่ง บ้านก็จะรับเอาพลังงานของคนและสะท้อนมายังคลื่นที่เหมือนกับคลื่นชีวภาพในร่างกายคน จะทำให้เกิดเป็นการดูดซับ ดังนั้นจึงทำให้เกิดการส่งเสริมและปรับปรุงสุขภาพของคนดังต่อไปนี้ ซึ่งคือ กระตุ้นการหมุนเวียนของกระแสเลือด ลดความเข้มข้นของเลือด กระตุ้นเมตาบอลิซึม ทำให้เซลล์มีชีวิตชีวา ควบคุมการเติบโตของแบคทีเรียที่ทำร้ายร่างกาย และสุดท้ายคือควบคุมความสมดุลของชีพจรในร่างกายคน

         

ตรงกันข้าม หากเป็นบ้านที่มีปัญหา เมื่ออาศัยเข้าไปแล้ว เพราะหลังจากที่พลังงานทั้งแปดทิศถูกทลายแล้วไม่สามารถรับพลังงานจากร่างกายคนได้ อีกทั้งยังไม่สามารถสะท้อนคลื่นที่เหมือนกับคลื่นชีวภาพของคนได้ เมื่ออาศัยในบ้านแบบนี้ 3 ปีขึ้นไปก็จะทำให้ส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพและโชคลาภอย่างมาก

         

เลือดลมที่คนจีนพูดถึงกคือพลังความร้อนที่ร่างกายต้องการ และพลังชี่ที่อยู่ภายในก็หมายถึงพลังงานในร่างกายของคน สำหรับเลือดก็คือเลือดในร่างกายของคนเรานั่นเอง แพทย์แผนจีนกล่าวไว้ว่า ร่างกายของคนเราเกิดขึ้นมาได้เพราะหยินหยางฟ้าดิน ดูดซับเอาหยางจากฟ้า (ประสิทธิภาพในการหายใจ) เพื่อใช้ในการหล่อเลี้ยง ขณะเดียวกันก็ดูดซับหยินของดิน (อาหาร) เพื่อใช้ในการหล่อเลี้ยงเลือด ทั้งสองอย่างนั้นจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นเมื่ออากาศถูกดูดเข้าไปในปอด อาหารก็จะถูกกินเข้าไปในกระเพาะ จากนั้นจะต้องใช้เลือดลมมาหมุนเวียน (อ๊อกซิเจนเลือดและการหล่อเลี้ยง) จึงจะส่งไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆได้ ส่วนขยะและของเสียต่างๆ จากการผลัดเซลล์ก็จะถูกส่งออกจากร่างกาย โดยจะต้องอาศัยการหมุนเวียนของเลือดลมเช่นกัน หากไม่สามารถถ่ายออกไปจากร่างกายได้ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนอย่างมาก

        

ใน ตำราสู้เว่น(素问)ที่เป็นตำราแพทย์แผนจีนได้บันทึกไว้ว่าชีพจรคือเส้นทางการหมุนเวียนของเลือดลม ซึ่งมีส่วนประกอบจากจุดชีพจรมากมาย เมื่อร่างกายผิดปกติแล้ว จุดต่างๆ ก็จะไม่สมดุล จนทำให้เลือดลมอุดตัน ไม่สามารถนำอ๊อกซิเจนและสิ่งหล่อเลี้ยงต่างๆ ส่งไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้ และทำให้ของเสียต่างๆ ไหลออกไปไม่ได้เช่นกัน จึงทำให้เกิดความผิดปกติในร่างกาย จนไม่สบาย

         

ดังนั้นเพื่อให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี คนเราจึงมักจะออกกำลังกาย ฝึกพลังลมปราณเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ปัญหาคือคนเราทุกวันนี้ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย ด้วยเพราะงานและกิจวัตรต่างๆ ที่รัดตัว ขณะเดียวกันด้วยเพราะสภาพแวดล้อมที่มีแต่สิ่งสกปรกก็ทำให้ส่งผลต่อการฝึกพลังลมปราณและออกกำลังกายเช่นกัน

 

ส่วนสนามแม่เหล็กบ้านหยางก็ช่วยแกไขปัญหาต่างๆ ที่คนในปัจจุบันพบกันมากที่สุดที่กล่าวไว้ในข้างต้น เพราะเมื่อบ้านหยางได้สัมผัสกับสนามแม่เหล็กที่ดีเป็นเวลานานแล้วก็จะเหมือนกับการที่คนเราออกกำลังกายและฝึกพลังลมปราณ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการรับพลังงานของร่างกายและสะท้อนเป็นคลื่นที่เหมือนกับคลื่นชีวภาพ จนทำให้เดเป็นผลการดูดซับและเป็นการนวดเล็กน้อย เพื่อให้บรรลุถึงการปรับสนามข้อมูลชีวภาพของร่างกายคน ทำให้ชีพจรสมดุล เลือดลมเพียงพอ ปรับปรุงสภาพร่างกาย ยกระดับร่างกายให้ดีขึ้น จนทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุด

         

หยินหยางสมดุล เลือดลมเต็มเปี่ยม ชีพจรก็จะหมุนเวียนเป็นปกติ ทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี สมบูรณ์ ขณะเดียวกับสนามแม่เหล็กที่ดีของบ้านหยางก็ส่งผลกระทบที่ดีมากต่อร่างกายของคน ด้วยเพราะประสิทธิภาพของสนามแม่เหล็กที่ดีของบ้านหยางจะถูกหมุนเวียนเข้าสู่เลือดลมในร่างกายคน ทะลุทะลวงไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดความสมดุลเช่นนี้แล้วจึงทำให้คนมีสุขภาพดี อายุยืนได้แล้ว

 

 

ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้านด้วยวิทยาศาสตร์เพื่อเลี่ยงจากโรคบ้าน

         

ปัจจุบันนี้ การวางแผน การออกแบบ การก่อสร้างของบ้านที่ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ วัสดุที่คุณภาพไม่ดีพอและไม่คำนึงถึงแสง ระยะห่าง สภาพแวดล้อม หรือแม้กระทั่งมีสภาพแวดล้อมที่ส่งผลร้ายและเห็นต่อผลกำไรมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นผลแง่ลบต่างๆ มากมาย จนทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านลักษณะเช่นนี้ได้รับผลกระทบจาก โรคบ้าน อย่างเต็มๆ

         

โรคบ้าน สามารถอธิบายได้ว่าเป็นการที่ผู้อยู่อาศัยเจ็บป่วยด้วยเพราะสาเหตุของบ้าน หรือจะอธิบายว่าบ้านนี้มีโรคก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็สามารถทราบได้ว่าบ้านนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคน หรือเป็นระบบของสิ่งของทุกอย่าง การดำรงชีวิตของคนและส่วนต่างๆ ของคนนั่นเอง บ้านที่มีโรคเป็นทั้งบ้านที่ทำให้คนเจ็บป่วยและก็เป็นบ้านที่ผู้ป่วยทำให้เกิดโรค ทั้งสองอย่างนี้ก่อให้เกิดเหตุและผลที่มีผลกระทบต่อกัน

         

โรคบ้านก่อให้เกิดโรคและอาการต่างๆ มากมาย ยิ่งไปกว่านี้ยังเป็นอาหารที่คนทั่วไปคุ้นเคย แต่ไม่ได้รับการใส่ใจมาก โดยมีนักวิจัยได้บรรยายเอาไว้ว่ามีอาการอะไรบ้าง ดังนี้

        

  อารมณ์แปรปวน รุนแรง รู้สึกไม่สงบ ร้อนใน แน่นหน้าอก

         

ปวดศีรษะ เหน็ดเหนื่อยได้ง่าย ชอบนั่งนอน คิดช้า

         

คิดมากในเวลากลางคืน นอนไม่หลับ ตื่นง่าย มักจะง่วงนอน

         

ชอบฝัน ไม่กล้านอนคนเดียว หวาดกลัว ขณะตื่นมีเหงื่อ

       

   นิ้วมือชา ปวดหลัง ปวดไหล่ น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคไขข้อ รู้สึกปวดตัวเป็นระยะๆ

        

  เท้า ขาไม่สะดวกเหมือนกับจะเป็นโรคปวดข้อ หกล้มได้ง่าย เคลื่อนไหวช้า

         

เลือดลมไหลเวียนไม่ดี เป็นเนื้องอก มึนศีรษะ เป็นโรคหัวใจ อัมพาต

         

สายตาพร่ามัว หูหนวก ความจำไม่ดี แก่เร็ว อายุสั้น

        

  เพื่อเป็นการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้านแบบวิทยาศาสตร์ เลี่ยงจากโรคบ้าน จึงมีนักวิจัยกล่าวไว้ดังนี้

 

×    ไม่ควรมีประตูและหน้าต่างของบ้านที่เปิดไปด้านนอกมากเกินไป หากมีแล้วจะต้องปิดได้มิดชิด และหากภายนอกประตูหน้าต่างมีทิวทัศน์ที่ไม่ดีก็สามารถใช้สิ่งต่างๆ มากำบังได้

 

×    เมื่อนอกประตู หน้าต่างมีเสียงรบกวนจะต้องหามาตรการมารองรับ

 

×    หากนอกหน้าต่างเหนือใต้หรือตะวันออกตกมีสิ่งที่ไม่เหมาะสมก็ควรจะหามาตรการมารองรับและบังเสีย

 

×    ม่านในห้องต่างๆ จะต้องมีระดับความใสที่ต่างกันไป

 

×    ไฟในห้องต่างๆ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง

 

×    สีของกำแพงหรือบริเวณต่างๆ ที่ต้องใช้สีมาก ห้ามใช่สีที่เข้มเกินไป เพดานก็เช่นกัน ควรใช้สีอ่อนหลัก ที่ดีที่สุดคือสีขาว ส่วนสิ่งประดับที่เส้นมุมห้องบนเพดานก็ห้ามหลากสีสันมากเกินไป รวมไปถึงสีบนพื้นก็ไม่ควรให้มีความเป็นกฎเกณฑ์มากเกินไป การจัดวางของสีในห้องจะต้องไม่มีการกระตุ้นหรือดุแล้วรู้สึกไม่ดี อีกทั้งจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

 

×    เฟอร์นิเจอร์ในบ้านจะต้องเลือกสีที่สว่างเหมาะสมและต้องพยายามให้สมดุลกัน

 

×    ชุดต่างๆ ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านไม่ควรเล็กเกินไป

 

×    ลักษณะเรียบในบ้านจะต้องสมบูรณ์

 

×    ตำแหน่งตู้แขวนจะต้องเหมาะสม

 

×    ไฟแขวนที่เพดานจะต้องไม่ใหญ่และแหลมเกินไป

 

×    เส้นมุมห้องรอบสี่ด้านของบ้านจะต้องไม่กว้างเกินไป

 

×    เส้นแขวนกระจกบนกำแพงจะต้องจัดในระดับที่เหมาะสม ไม่ควรกว้างเกินไป

 

×    การประดับที่กำแพงไม่ควรแตกแยกจนเกินไป ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ควรดูยุ่ง ไม่มีระเบียบ

 

×    ควรระวังการเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบผสมในบ้าน โดยเพาะหากเป็นเตียง ส่วนในห้องนอนควรที่จะตั้งเตียงไว้ในจุดที่ลมถ่ายเท

 

×    ต้นไม้ในบ้านไม่ควรสูงเกินไป

 

×    ห้องครัวและห้องน้ำควรอยู่ห่างจากห้องนอน

 

×    เมื่อนอกบ้านสกปรกจะต้องระวังการเปิดประตูและหน้าต่าง

 

×    ไม่ควรเลือกห้องที่ 3 ด้านติดกับกำแพงนอกเป็นห้องนอน

 

×    เฟอร์นิเจอร์ที่คนมักจะให้นั่งหรือใช้เป็นเวลานานๆ ไม่ควรอยู่ติดกับกำแพงนอก

 

×    มุมของห้อง มุมอับชื้น กำแพงอับชื้นไม่ควรตั้งเฟอร์นิเจอร์

 

×    ในห้องของอาคารหรืออพาร์ตเมนต์ หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มักจะใช้เป็นเวลานานควรที่จะพิงกับฝั่งที่ประตูใหญ่ของอาคารหันเข้ามา หากเป็นบ้านเดี่ยว ควรที่จะพิงกับฝั่งที่หันไปทิศตะวันออกและเอนทิศใต้ ทิศใต้และทิศเหนือ

 

×    บ้านที่อยู่ในชั้นสูง ควรให้เฟอร์นิเจอร์ที่คนต้องใช้เป็นเวลานานพยายามห่างจากหน้าต่าง หากเป็นบ้านที่อยู่ชั้นเตี้ยควรพยายามให้อยู่ใกล้หน้าต่าง

 

×    ควรพยายามจัดให้ในบ้านมีพื้นที่พักผ่อนที่สามารถตากแดดได้

 

×    กำแพงห้องครัว ห้องน้ำที่อยู่ใกล้กำแพงจะต้องป้องกันการรั่วซึมของน้ำ กำแพงของห้องน้ำจะต้องรักษาความอบอุ่น

 

×    ห้องทิศเหนือใต้ จะมีลมหมุนเวียนในฤดูหนาว จึงควรเปิดหน้าต่างใต้ ห้องทิศเหนือใต้จะมีอากาศถ่ายเทในฤดูร้อน จึงควรเปิดประตูหน้าต่างทิศเหนือ

 

×    จะต้องระวังการป้องกันการกระทบกระเทือนของประตูหน้าต่าง

 

×    ไม่ควรให้ในห้องมีของที่สั่นบ่อยๆ แต่หากเป็นห้องที่อยู่ใกล้วัตถุที่สั่นบ่อยๆสามารถวางที่รองลดการสั่นไว้ที่พื้นได้

 

×    เมื่อในนอกห้องมีเสียงดังจะต้องระวังมาตรการรับมือ หากใกล้ๆ ห้องมีสิ่งที่มีความสูงมากจะต้องระวังหรือสนามแม่เหล็กปิดทับ หากในนอกห้องมีรังสีก็จะต้องระวังเรื่องการป้องกันเช่นกัน

 

พยายามให้ในห้องใช้สีเขียว หากไม่ได้ใช้จะต้องระวังด้านอากาศถ่ายเท

 

 

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า

 https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า และสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการเรียนฮวงจุ้ยฟรี

ได้ที่ อาคารอาจารย์หม่า โทร.08-8277-4051-60