วันศุกร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:15 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

แม่ลิ้นจี่พาชิม

แม่ลิ้นจี่ : วันศุกร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 08.27 น.

ไปกินปู...ดูเรือบิน...ที่อุทยานอาหารเกาะลันตา

...อิ่มเอมกับ..แกงเหลืองปูเนื้อหน่อไม้ดอง-ต้มข่าปลาสลิดตาลแอน-หอยจ๊อปู...

       

เมนูอร่อยน่าชิม...ประจำสัปดาห์นี้ “แม่ลิ้นจี่” เจ้าเก่าคนเดิมยังคงมีเมนูจานเด็ดจากทั่วทุกสารทิศมาแนะนำแฟนคอลัมน์ได้พากันแวะไปลิ้มลองอีกเช่นเคย และในฉบับนี้เราจะพากันไปตะลอนชิมกันไม่ใกล้ไม่ไกลแค่ชายขอบของเมืองกรุง นั่นก็คือที่จังหวัดสมุทรปราการ..ซึ่งร้านที่เรากำลังจะแวะไปอิ่มอร่อยกันก็คือที่...อุทยานอาหาร “เกาะลันตา” สุวรรณภูมิ...!

         

เมื่อกล่าวถึงร้านอาหาร “เกาะลันตา” หลายท่านที่เป็นนักเปิปอาหารทะเลก็คงจะรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านร้านนี้เขาเคยเปิดบริการอยู่ริมถนนเกษตร-นวมินทร์ ถ้าจะเรียกว่าเป็นร้านอาหารร้านแรกๆ ของถนนสายนี้ก็ว่าได้ แต่ในปัจจุบันเขาได้โยกย้ายมาเปิดร้านใหม่ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิบนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 40 ไร่ โดยมี “คุณสุขุม มีพันแสน” เป็นเจ้าของร้าน อีกทั้งยังมี “คุณบุญเสริม สังข์มงคล” อดีตข้าราชการเกษียณและเป็นเจ้าของ “ปลาสลิดตาลเอน” ผลิตภัณฑ์ชื่อดังของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเมนูพระเอกและเป็นอาหารจานเด่นประจำร้านก็คืออาหารประเภทซีฟู้ดสดๆ เป็นๆ โดยเฉพาะปูทะเลหรือปูดำก้ามโตขนาดบิ๊กไซด์จะมีให้เราได้ลิ้มลองกันทุกวัน และจากสถานที่ตั้งของร้านอยู่ติดกับสนามบินสุวรรณภูมิและมีเครื่องบินผ่านตลอดเวลานี่เองจึงเป็นที่มาของสโลแกนร้านนี้ว่า...“กินปู...ดูเรือบิน”

          

“คุณสุขุม” เจ้าของร้านได้บอกเล่าให้ “แม่ลิ้นจี่” ฟังว่า ร้าน “เกาะลันตา สุวรรณภูมิ” เริ่มเปิดบริการเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2551 นับรวมได้ 8 ปีเต็ม และเนื่องจากร้านมีพื้นที่กว้างขวางถึง 40 ไร่จึงถูกขนานนามให้เป็นอุทยานอาหาร ที่ได้จัดสรรพื้นที่ออกเป็น 3 บรรยากาศ เริ่มจากทางเข้าด้านหน้าร้านที่ได้นำรถยนต์โบราณมาจอดโชว์ไว้หลายสิบคัน ซึ่งก็เป็นจุดแรกที่ลูกค้ามายืนเซลฟี่ ก่อนที่จะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในร้าน ภายในจะตกแต่งด้วยภาพและของเก่าสะสมมากมาย อีกทั้งยังมีงานประติมากรรม งานแกะสลัก เฟอร์นิเจอร์โบราณ และโต๊ะไม้เก่าไว้บริการซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าแบบครอบครัว เมื่อเดินเข้าไปถึงด้านในสุดจะเป็นโซนริมบึงน้ำขนาดใหญ่สไตล์แบบโอเพ่นแอร์ชื่อว่า “แพอรวรรณ” ส่วนในยามค่ำคืนจะมีดนตรีแสดงสดคอยขับกล่อม

 

ตรงบริเวณกลางบึงน้ำจะมีเกาะเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของประติมากรรมม้าบิน 9 ตัว และเรืออีก 9 ลำซึ่งเคยใช้งานเมื่อครั้งเปิดร้านใหม่ๆ จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของร้านในปัจจุบัน ส่วนในบึงน้ำจะมีห่านและหงส์หลายสิบตัวลอยละล่องอวดโฉมให้ลูกค้าได้ชื่นชม นอกจากนี้ก็ยังมีโซนที่เป็นรีสอร์ทสไตล์บาหลีพร้อมห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับลูกค้าได้มากถึง 300-500 คน ตั้งเรียงรายอยู่รอบบึงน้ำชื่อว่า “อมตะลันตา รีสอร์ท” ที่นักธุรกิจชาวต่างชาติทั้งยุโรป จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี นิยมมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก ส่วนอาหารจานเด็ดของที่นี่ก็มีให้เลือกสั่งกันมากมายนับร้อยกว่ารายการในเมนู สนนราคาก็เริ่มต้นกันที่จานละ 150 บาท ขึ้นไปจนถึง 650 บาท ปูทะเลจะคิดราคาตามน้ำหนักขีดละ 170 บาท ส่วนเมนูจานเด็ดที่ “แม่ลิ้นจี่” จะแนะนำให้สั่งมาลิ้มลองกันในวันนี้ก็มี

แกงเหลืองปูเนื้อหน่อไม้ดอง...เมนูนี้เป็นแกงที่ชาวปักษ์ใต้เรียกกันว่าแกงส้ม มีส่วนผสมของขมิ้นอยู่ในน้ำพริกแกงที่นำไปต้มในน้ำซุปใส่หน่อไม้ดอง และปูทะเลตัวใหญ่ที่สับแยกร่างมาเสร็จสรรพสะดวกในการกิน ความอร่อยอยู่ที่ปูเนื้อแน่นสดหวาน เปรี้ยวเล็กน้อยจากหน่อไม้ดอง น้ำแกงรสเผ็ดจัดจ้านจนเหงื่อซึม ราคาตามน้ำหนักปูขีดละ 170 บาท

ต้มข่าเนื้อปลาสลิดตาลเอน...เขาจะนำน้ำกะทิสดต้มรวมกับข่าอ่อนจนเดือดพล่าน นำปลาสลิดตาลเอนตากแห้งจากอยุธยาเลาะเอาแต่เนื้อปลาล้วนๆ ไปทอดจนสุกกรอบ ก่อนนำไปใส่ในน้ำต้มข่าสีขาวนวล ความอร่อยอยู่ที่เนื้อปลาสลิดตาลเอนเนื้อแน่นรสชาติเค็มเล็กน้อย บวกกับน้ำแกงรสเปรี้ยวนำและหวานมันจากกะทิหอมกลิ่นข่าอ่อน ในราคาหม้อไฟ 300 บาท

หอยจ๊อปู...เขาจะนำเนื้อปูล้วนๆ ผสมกับรากผักชี พริกไทย มันหมู แห้วหรือมันแกว ห่อม้วนด้วยแผ่นฟองเต้าหู้เป็นเส้นกลมยาวนำไปนึ่งจนสุกได้ที่ หั่นเป็นท่อนๆ นำไปทอดในน้ำมันใหม่จนกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟมาขณะยังร้อนกรุ่นพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วยหวาน ความอร่อยอยู่ที่ฟองเต้าหู้ด้านนอกกรอบกรุบ ด้านในมีเนื้อปูอัดแน่เคี้ยวกินได้เต็มปากเต็มคำ ในราคาจานละ 290 บาท

ปลาเก๋าทอดยำสมุนไพร...เขาจะนำปลาเก๋าสดขนาด 7-8 ขีดที่แหวกว่ายอยู่ในตู้เลี้ยง นำมาขอดเกล็ดบั้งข้างตัว ก่อนนำไปทอดในน้ำมันร้อนฉ่าจนปลาเก๋าสุกกรอบ ราดด้วยเครื่องยำที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย ความอร่อยอยู่ที่เนื้อปลาเก๋าสดกรอบน้ำยำรสชาติจัดจ้าน ไม่ว่าจะสั่งมากินกับข้าวสวยร้อนๆ หรือสั่งมากินเป็นกับแกล้มกับเมรัยก็อร่อยได้ทั้งสองแบบ ในราคาตามน้ำหนักขีดละ 65 บาท จานนี้ 650 บาท

เห็ดโคนผัดน้ำมันหอยกุ้งสด...เขาจะใช้เห็ดโคนญี่ปุ่นสดๆ นำไปผัดในกระทะที่มีไฟร้อนกรุ่นแค่พอสะดุ้งไฟไม่ทันให้เห็ดได้หดเหี่ยว ใส่กุ้งสด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยอย่างดีเสิร์ฟมาขณะยังร้อนกรุ่น เมนูจานนี้เด็กก็ทานได้ผู้ใหญ่ก็ทานดี ในราคาจานละ 350 บาท

 

นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอร่อยที่น่าลิ้มลองอีกมากมาย อาทิ สะตอผัดกุ้ง ใบเหลียงผัดไข่ หรือจะสั่งเป็น “กุ้งแม่น้ำเผา” ไซด์จัมโบ้ขนาด 3 ตัวต่อหนึ่งกิโลกรัม ก็แต่ราคาขีดละ 220 บาท สะดวกกันเมื่อไรก็ขอเชิญแวะเวียนมาเยี่ยมชิมกันได้ อุทยานอาหาร “เกาะลันตา” สุวรรณภูมิ จะเปิดบริการกันทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. โทรศัพท์จับจองโต๊ะกันได้ที่ 0-2738-4811 ถึง 2 หรือสนใจจะสั่ง “ปลาสลิดตาลเอน” ในแพ็กสุญญากาศก็โทรศัพท์สั่งซื้อได้ที่ “คุณบุญเสริม” หมายเลข 08-1867-5709 สำหรับวันนี้คงต้องขอแนะนำกันแต่เพียงแค่นี้ แล้วพบกับ “แม่ลิ้นจี่พาชิม ปีที่ 16” ได้ใหม่ในสัปดาห์ต่อไปนะคะ..!