อื่นๆ » คอลัมน์
ฮวงจุ้ยพารวย
วรธนัส อัศกุลโกวิท : วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 07.27 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

รู้จักพลิกแพลงในการเรียน นำไปสู่การประยุกต์ที่ใช้ได้จริงของฮวงจุ้ย ตอนที่ 24
รู้จักพลิกแพลงในการเรียน นำไปสู่การประยุกต์ที่ใช้ได้จริงของฮวงจุ้ย
ตอนที่ 24
ประสิทธิภาพของฮวงจุ้ยด้านจิตวิทยา
อาศัยในบ้านนั่งในทิศเหนือหันไปทิศใต้จึงทำให้ครอบครัวมีสุข เลือกกิเลนที่ชอบที่สุดมาวางบนโต๊ะทำงาน จึงร่ำรวย.....ท่านต้องการสร้างฮวงจุ้ยที่ดีให้การดำรงชีวิตและการทำงานที่ดีมาตลอดใช่หรือไม่ แต่ทว่าท่านทราบถึงอัศจรรย์ที่แท้จริงของฮวงจุ้ยหรือไม่
1.ฮวงจุ้ยก็คือสภาพแวดล้อม
นักจิตวิทยาที่มีความสามารถต่างก็รู้จักฮวงจุ้ย เพราะหลักการฮวงจุ้ยจีนโบราณนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับจิตวิทยา ดังนั้นหากพูดให้ถูกต้องแล้วจะต้องเป็นจิตวิทยาสภาพแวดล้อม เพราะฮวงจุ้ยก็คือสภาพแวดล้อม ส่วนสภาพแวดล้อมส่งผลกระทบต่อคน ในด้านกายภาพและจิตวิทยา
ในด้านผลกระทบของกายภาพ พวกเราทราบดีว่า ปกติแล้วสถานที่ๆ ฮวงจุ้ยดีจะมีแสงแดดดี หลบลมดี ไม่ชื้น เช่น หากใช้เป็นบ้านต่างก็ทราบดีว่าฮวงจุ้ยของถ้ำนั้นไม่ดี เพราะไม่มีแสงและชื้น
หากเป็นด้านจิตวิทยา ฮวงจุ้ยส่งผลกระทบต่อคน โดยหลักแล้วจะทราบจากการที่สภาพแวดล้อมแอบบอกบางสิ่งอย่างให้คนรับรู้ ในความเป็นจริงแล้ว ทุกอย่าของสภาพแวดล้อมสามารถมองเป็นลักษณะ มีความหมายที่เป็นสัญลักษณ์ จิตใต้สำนึกของคนจะรับลักษณะที่สภาพแวดล้อมบอกโดยอัตโนมัติ จึงได้รับผลกระทบของมัน
2.สัญลักษณ์และการบอกเป็นนัยเป็นหลักการพื้นฐานของฮวงจุ้ย
เมื่อพูดถึงขั้นตอนการส่งผลกระทบต่อคนของฮวงจุ้ย พวกเราก็สามารถใช้หลักการจิตวิทยาไปอธิบายหลักการฮวงจุ้ยได้อย่างง่ายดาย
เช่น ในอดีตกล่าวว่าบ้านที่ดีที่สุดของฮวงจุ้ยจะต้องนั่งในทิศเหนือหันไปทิศใต้ ยิ่งไปกว่านี้ด้านหลังจะต้องมีภูเขา นั่งในทิศเหนือหันไปทิศใต้ ด้านหน้าจะต้องมีแสงแดดจึงจะส่งผลดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ จากการวิจัยจิตวิทยาพบว่า หากแสงไม่พอ คนเราก็จะรู้สึกอึดอัด กดดันได้ง่าย แต่หากมีแสงเพียงพอก็จะไม่มีปัญหานี้ หากคนๆ หนึ่งอาศัยอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดดัน โชคชะตาของเขาก็จะไม่ดีมากอย่างแน่นอน ส่วนการที่ด้านหลังมีภูเขาก็เป็นสัญลักษณ์หมายถึงการมีที่พักพิง นำมาซึ่งความรู้สึกที่ปลอดภัย ซึ่งเมื่อคนรู้สึกปลอยภัยแล้ว สภาพโดยรวมของร่างกายก็จะดีด้วย
เมื่อยึดตามทฤษฎีฮวงจุ้ย หากประตูลานบ้านและประตูห้องในบ้านอยู่ตรงข้ามกัน และตรงกลางไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นจะเรียกว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดี ทำให้ของภายและถูกคนรังแกได้ง่าย แต่นี่ฟังดูแล้วอาจจะเหมือนการงมงาย ทำไมประตูในบ้านถึงส่งผลกระทบกับฉันได้ แต่หากเข้าใจในสภาพแวดล้อมจิตวิทยาก็จะทราบว่านี่มีเหตุผล เพราะในความเป็นจริงแล้วบ้านก็คือสัญลักษณ์ของหัวใจของเรา และหัวใจห้องที่เรามักจะพูดกันในชีวิตประจำวันนั่นก็คือมองว่าหัวใจและห้องเป็นสิ่งเดียวกัน
หากบ้านเป็นตัวแทนของจิตใจ หน้าต่างก็เป็นตัวแทนการเปิดของหัวใจ ห้องๆหนึ่งมีประตูปิดอย่างแน่นหนาก็หมายความว่าคนๆ นั้นเป็นคนไม่ชอบเปิดเผย เก็บตัว แต่หากประตูลานบ้านและประตูห้องอยู่ตรงข้ามกัน ก็จะหมายความว่าคนๆ หนึ่งเปิดเผยกับคนๆ อื่นมาก ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านจะได้รับผลกระทบการบอกเป็นนัยของบ้านไปอัตโนมัติ
ดังนั้นหากมีคนๆ หนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ประตูปิดแน่นสนิทและค่อยๆ คุ้นเคยกับมันก็จะทำให้คนๆ นี้มีนิสัยที่เก็บตัว ไม่ค่อยคบหากับใคร ตรงกันข้าม หากคนๆ หนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านที่ประตูของลานบ้านและห้องอยู่ตรงข้ามกัน นิสัยของเขาก็ค่อนข้างจะเชื่อคนง่ายและไม่ค่อยที่จะป้องกันตัวเอง ถึงจะอย่างไรก็ตาม ต่างก็ไม่ส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตทั้งสิ้น
รายละเอียดในสภาพแวดล้อมก็มีเหตุผลเดียวกัน เช่น ว่ากันว่าหากวางอ่างปลาไว้ในออฟฟิศในตำแหน่งที่เหมาะสมก็สามารถป้องกันโชคร้าย นำมาซึ่งเงินทองได้ ซึ่งใครๆ ก็ทราบว่า ประสิทธิภาพของอ่างปลาในชีวิตจริงนั้นเป็นเช่นนี้ นอกจากจะเป็นอ่างปลาที่ทำมาจากระจกกันกระสุน ที่บางทีอาจจะป้องกันกระสุนได้
ในที่นี้ประสิทธิภาพที่สำคัญที่สุดของอ่างปลาคือการเป็นสัญลักษณ์ของมัน ปลาและน้ำต่างก็สามารถใช้เป็นตัวแทนของความร่ำรวยได้ ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาคนเราก็มองว่าปลาและเงินทองเป็นสิ่งเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะคนเราในสมัยอดีต การหาข้าวหาปลากินนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่าย ซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้เนื้อสัตว์มากินแต่กลับโดนสัตว์ฆ่าตายได้ ดังนั้นแล้ว การจับปลาจึงเป็นสิ่งที่ง่ายมากกว่าจับสัตว์อื่นๆ ยิ่งไปกว่านี้ ความชุ่มชื้นของน้ำยังเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง เมื่อมีน้ำก็มีชีวิต เหมือนกับการมีเงินก็ดำรงชีวิตได้ ดังนั้น เมื่อเห็นปลาและน้ำ ในใจของคนเราก็มีความรู้สึกพอใจ เช่นนี้จึงมีความเชื่อมั่นในการทำงานมากขึ้นนั่นเอง
เมื่อพูดถึงหลักการฮวงจุ้ยที่ค่อนข้างละเอียด ในความเป็นจริงแล้ว ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับการเป็นสัญลักษณ์ทและการบอกเป็นนัยทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น ทำไมบ่อนพนันในมาเก๊าจะต้องออกแบบให้เหมือนกับรังนก เพราะเปรียบเสมือนว่าเมื่อคนเข้าไปในบ่อนพนันก็เหมือนกับเข้าไปในกรงนกนั่นเอง หนีออกไปไม่ได้อีก ซึ่งนี่ก็ดีต่อเจ้าของบ่อน เมื่อมองกรงนกเช่นนี้แล้ว ก็จะทำให้เจ้าของบ่อนนั้นมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ทำให้นักพนันพ่ายแพ้ทางด้านจิตใจไปแล้ว
3.ฮวงจุ้ยที่ดีคือการบอกเป็นนัยของจิตวิทยาสภาพแวดล้อม
ในเมื่อฮวงจุ้ยก่อเกิดประสิทธิภาพโดยการใช้สัญลักษณ์และการบอกเป็นนัยต่อคนแล้ว พวกเราก็จะใช้สิ่งเหล่านี้มาสร้างสภาพแวดล้อมฮวงจุ้ยที่ดีได้
เช่น ในบ้านของสตรีมีครรภ์แขวนรูปที่สวยงามเอาไว้ก็คือ ฮวงจุ้ยที่ดีหรือเมื่อกล่าวทางด้านวิทยาศาสตร์แล้วคือการบอกเป็นนัยของจิตวิทยาสภาพแวดล้อม เพราะรูปภาพแบบนี้สามารถทำให้สตรีมีครรภ์มองเห็นเด็กทารกที่น่ารัก ดังนั้นจึงส่งผลดีต่อการคาดหมายของบุตรในอนาคต และทำให้อารมณ์ดี เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีใครที่อยากจะแขวนภาพนรกไว้ในห้องของสตรีมีครรภ์ในช่วงที่ตั้งท้องแน่นอน เพราะนั่นจะส่งผลไม่ดีต่ออารมณ์และเด็กในท้องเป็นแน่แท้
สภาพแวดล้อมจะดีหรือไม่ดีนั้นก็ต้องอยู่ที่การสรุปของคนเราด้วย เช่น ไม่นานมานี้มีนักวิจัยกล่าวว่า ความสูงของเพดานส่งผลต่อประสิทธิภาพในการจินตนาการ ดังนั้นนักศิลปะหรือผู้ที่ต้องใช้จินตนาการในการทำงานมักจะต้องทำงานในชั้นสูง แต่หากเป็นชั้นที่ต่ำจะเหมาะกับการทำงานให้ละเอียดมากขึ้น ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่ทำบัญชี เป็นต้น
สภาพแวดล้อมส่งผลกระทบด้านจิตใจของคนในแบบต่างๆ แต่หลักการโดยรวมของการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีนั้นง่ายมากซึ่งนั่นก็คือสภาพแวดล้อมที่ดีจะนำมาซึ่งสภาพจิตใจที่ดีด้วย แน่นอนว่าหากคนๆ หนึ่งสามารถควบคุมจิตใจของตัวเองได้เป็นอย่างดี จากความเข้าใจเป็นจนถึงจิตใต้สำนึกก็ไม่ต้องกลัวว่าฮวงจุ้ยของบ้านที่อยู่อาศัยจะดีหรือไม่ดี
4.อารมณ์ดีก็คือฮวงจุ้ยที่ดี
ฮวงจุ้ยที่ดีไม่ใช่เพียงสภาพแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่าคือจะต้องมีจิตใจที่ดี เพราะสภาพจิตใจภายในนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ หากจิตใจของท่านเปิดเผย สิ่งที่มองเห็นทั้งหมดต่างเป็นภูเขา สายน้ำที่สวยงาม ก็จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นฮวงจุ้ยที่ดี แต่หากท่านมักจะรู้สึกดดัน เครียดอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าท่านจะอาศัยอยู่ในฮวงจุ้ยที่ดี ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดีก็ไม่อาจทำให้สภาพจิตใจของท่านดีขึ้น เพราะที่อาศัยอยู่ภายในนั้นเป็นคนเดียวกัน
ผลกระทบของสภาพแวดล้อมภูมิศาสตร์และทิวทัศน์ที่มีต่อวัฒนธรรม
ในการดำรงชีวิตของสังคมในเมืองในสมัยโบราณของจีน เพราะการสอนของปรัชญาหรูเจีย(儒家)ที่ให้ความสำคัญกับการสอนและวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก จึงทำให้วัฒนธรรมสิ่งก่อสร้างมากมาย เช่น วัด วัง โรงเรียน ฯลฯ มีการวางแผนการก่อสร้างที่สำคัญมากต่อเมืองในสมัยอดีต กลายเป็นสัญลักษณ์พิเศษของวัฒนธรรมการก่อสร้างของจีนที่เน้นที่ผลกระทบของสภาพแวดล้อมภูมิศาสตร์และทิวทัศน์ที่มีต่อคน ทำให้คนเรามุ่งมั่นเป็นยังสิ่งที่ต้องการมากขึ้นหรือเป็นการปรับความสมดุลทางด้านจิตใจ เช่น เจดีย์เหวินปี่(文笔)หอคุยซิง(奎星)หอเหวินชาง(文昌)และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศจีน
ในตำราการดูบ้านหยางของเกาเป้ยหนาน(高贝南)ในสมัยราชวงศ์ชิงได้กล่าวไว้ว่าทิศจะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ และทิศใต้เป็นทิศที่ดีมากในการเลือกชัยภูมิมงคลในการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุด เพราะจะทำให้เมืองนั้นๆ มีอัจฉริยะปรากฎในเมืองมากมาย
เจดีย์เหวินปี่ หอเหวินปี่หรือภูเขาเหวินปี่เป็นตัวแทนของการสอบและความสามารถด้านการเรียนหนังสืองของจีนโบราณ ซึ่งล้วนแล้วแต่จะเห็นได้ทั่วไปในเมืองของจีนโบราณทั้งสิ้น เช่น
เมืองตงก่วน ในมณฑลกวางตุ้ง ก็มียอดเขาเหวินปี่
ตำบลเหอผิง ในมณฑลกวางตุ้ง ก็มีภูเขาเหวินปี่อยู่ตรงข้าม
เมืองหลงเยี๋ยน ที่มณฑลฮกเกี้ยน ก็มีการสร้างเจดีย์เหวินปี่บนภูเขา
ตำบลหุ้ยอัน ในมณฑลฮกเกี้ยน ก็มีภูเขาเหวินปี่และภูเขาจอหงวนอยู่ตรงข้าม
ตำบลเฝิงฮั้ว ก็มีภูเขาเหวินปี่อยู่ตรงข้าม
เมืองห่วงซิ่น ในมณฑลเจียงซี ก็มีเจดีย์เหวินปี่อยู่บนภูเขา
เมืองฟงเฉิง ในมณฑลเจียงซี ก็มียอดเขาเหวินปี่อยู่บนยอดเขาวานร
เมืองคังจง ในมณฑลเสฉวน ก็มีเจดีย์เหวินปี่อยู่บนภูเขาในทิศตะวันออกเฉียงใต้
เมืองหนิงหย่วน ในมณฑลูหนาน ก็มียอดเขาเหวินฟงอยู่บนภูเขาหัวเต่า
นอกจากนี้ในหมู่บ้านมากมายที่เจริญแล้วหรือมีการสร้างเจดีย์เหวินปี่หรือมียอดเขาที่เป็นยอดเขาเหวินปี่ก็พบเห็นได้ในจีนไม่น้อยเช่นกัน
ส่วนในตำราต่างๆ ของในสมัยอดีตโบราณก็ได้บันทึกถึงสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ส่งเสริมด้านการเรียนและสอบจอหงวนเช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าคนในสมัยอดีตนั้นเชื่อในฮวงจุ้ยทางด้านนี้
การก่อสร้างสุสานที่จัดเรียงแบบดาวเหนือ
คนโบราณใช้จื่อเวยซิงหยวน(紫微星垣)มาเปรียบเทียบที่อยู่ของฮ่องเต้ และขณะเดียวกัน กลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดก็ถูกนำมาใช้มากในสมัยอดีต หมายถึงทิศเหนือใต้ที่อยู่ใจกลางท้องฟ้า ถือเป็นจื่อเวยหยวน(紫微垣)ของกลุ่มดาว ในสมัยโบราณมักจะใช้การเปลี่ยนแปลงของปรากฎการณ์ของดาวมาตัดสินความดีร้ายของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นของคน โดยจื่อเวยหยวนจะหมายถึงฮ่องเต้ของคน เป็นตำแหน่งของดาวฮ่องเต้ ดังนั้น ดาวใจกลางของกลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดจึงถูกมองว่าเป็นที่อยู่ของฮ่องเต้นั่นเอง
ฮ่องเต้ในสมัยสังคมศักดินามองว่าตัวเองเป็นผู้ตัดสินที่สวรรค์ส่งลงมา จึงเรียกว่า บุตรมังกร หรือชื่อต่างๆ ที่มีความหมายว่าเป็นตัวแทนจากสวรรค์ และยังมองว่าตำแหน่งของฮ่องเต้นั้นเป็นตำแหน่งของฟ้าและยังมองว่าพฤติกรรมของตัวเองในทุกๆ อย่างนั้นสัมพันธ์กับสวรรค์ทั้งหมด ทุกครั้งที่ท้องฟ้ามีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาก็จะสำรวจตัวเอง ดูว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูกหรือไม่ และภายใต้แนวความคิดเช่นนี้ พวกเขาจึงมองว่าความตายเป็นการขึ้นสวรรค์ ดังนั้นเมื่อฮ่องเต้สวรรคตก็จะหมายถึงว่าขึ้นไปอาศัยอยู่บนกลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดนั่นเอง
ในสุสาน 13 กษัตริย์ ที่เป็นสุสานของฮ่องเต้สมัยราชวงศ์หมิงได้ถูกก่อสร้างขึ้นมาภายใต้ลักษณะการออกแบบๆ กลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ด โดยสุสานเสี้ยว(孝陵)ที่ขุดขึ้นมาได้แล้วนั้นแสดงให้เห็นถึงการออกแบบของห้องนอน ส่วนสุสานหมิงติ้งหลิง(明定陵)ที่ขุดพบแล้วนั้นได้ออกแบบขึ้นมาโดยเลียนแบบวังหลวงในสมัยยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็มาจากลักษณะบนท้องฟ้านั่นเอง ในสมัยอดีต ภายใต้ความคิดของความงมงายในศาสนา คนส่วนใหญ่คิดว่าเมื่อตายไปแล้ววิญญาณจะยังอยู่และก็เหมือนกับคนปิดที่จะต้องมีที่อยู่อาศัยและต้องมีการกิน ดังนั้นแล้วสุสานของฮ่องเต้ในสมัยอดีตจึงมักจะออกแบบเหมือนที่อยู่ในสมัยมีชีวิตนั่นเอง
นอกจากนี้ การเลือกที่ตั้งสุสานก็สัมพันธ์กับท้องฟ้าเช่นกัน โดยด้านหน้า หลัง ซ้าย ขวาจะต้องมีภูเขา ด้านหน้าเป็นนกกระเรียนแดง ด้านหลังคือเต่าดำ ด้านซ้ายคือมังกรเขียว ด้านขวาคือเสือขาว ใช้ลักษณะของภูเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มดาว ส่วนสุสานของฮ่องเต้ก็จะอยู่ระหว่างกลุ่มดาวซึ่งก็คือวังสวรรค์นั่นเอง
เมื่อมองจากมุมมองของศาสตร์ฮวงจุ้ยโบราณ กลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดนี้ที่มีการฝังแบบตัวเอส(S)สะท้อนให้เห็นถึงการรวมพลังชี่ได้เป็นอย่างดี ในสมัยโบราณยังไม่มีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ คนโบราณจึงยังรู้สึกว่าท้องฟ้าเป็นเรื่องลึกลับ คิดว่ากลุ่มดาวเหนือเหล่านั้นมีความอัศจรรย์แฝงอยู่เช่นที่ตั้งของวัฒนธรมหยางส้าว(仰韶文化)เมื่อ 6000 ปีก่อนที่เหอหนานก็พบว่า ทิศตะวันออกและตกของสุสานนายมีรูปปั้นมังกร เสือและภาพสัญลักษณ์ดาวเหนืออยู่ คนโบราณยังสลักไว้บนด้ามกระบี่อีกด้วย ซึ่งอัศจรรย์ของรูปร่างกลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดนั้นก็คือลักษณะ S ที่รวมพลังชี่นั่นเอง
การเลือกที่ตั้งสุสานของฮ่องเต้ในสมัยอดีตยังจะต้องเลือกสถานที่ๆ รวมพลังชี่ซ่อนลมด้วย มาตรฐานในการเลือกคือภูเขาโอบล้อมน้ำโอบกอด เพราะลักษณะแบบนี้นั้นมีพลังชี่ ในด้านศาสตร์ฮวงจุ้ย ใช้ลักษณะมองลักษณะของความคดเคี้ยวว่าเป็นลักษณะที่มีอารมณ์ความรู้สึก หมายถึงความมงคล ลักษณะขึ้นๆ ลงๆ ของเทือกเขาที่เหมือนตัว S และแม่น้ำก็มักจะคดเคี้ยว สุสานหมิงเสี้ยวและสุสาน 13 กษัตริย์ ในด้านการเลือกที่ตั้งและออกแบบก็ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับหลักการฮวงจุ้ยทั้งสิ้น
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุคได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า และสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการเรียนฮวงจุ้ยฟรี ได้ที่ อาคารอาจารย์หม่า โทร. 088-2774051-60
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » คอลัมน์
Top 5 คอลัมน์อื่นๆ
คอลัมน์ล่าสุด ![]()
“บ้านเมืองพระเครื่อง” โดย อ.เจษ เมืองนนท์
บ้านเมืองพระเครื่อง- “ISPAH 2016 Congress” สร้างเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อทุกคน 09:53 น.
- บ้านเมืองพระเครื่อง วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2559 09:42 น.
- จัดแสดง วันเดอร์ฟรุ๊ต ไลฟ์สไตล์ ดนตรี และศิลปะ 07:12 น.
- แวะชิม...ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนครพนม-ไข่กระทะ-ขนมปังเวียดนาม 08:12 น.