คุยกันเรื่อง..ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ

คุยกันเรื่อง..ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ

 

 

คุยก่อนชิม...เมื่อครั้งที่ผ่านมา เราได้คุยกันถึงเรื่องราวความเป็นมาของก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตกันไปแล้ว และเพื่อไม่ให้ตกหล่นในเรื่องของก๋วยเตี๋ยวเรือเพราะยังมีอีกแห่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีทั้งคนในเมืองกรุงและคนต่างจังหวัดที่เคยเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งก็เชื่อว่าหลายท่านคงได้เคยลิ้มลอง “ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ” กันมาบ้างแล้ว แต่ที่ “แม่ลิ้นจี่” จะเขียนถึงในวันนี้นั้นไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯในปัจจุบัน แต่จะเล่าถึงบรรยากาศของการกินก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ ในยุคเมื่อกว่า 50 ปีที่ผ่านมา

 

    

 

ย้อนอดีตไปเมื่อครั้งที่ “แม่ลิ้นจี่” ยังอยู่ในวัยเยาว์ และศึกษาเล่าเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งตรงหัวมุมสี่แยกพญาไท หรือในสมัยนั้นจะเรียกกันว่าวงเวียนพญาไทซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเท่าไรนัก หลังจากเลิกเรียนในช่วงบ่ายสามโมงครึ่ง แม่ลิ้นจี่และพลพรรค 4-5 คนที่จะต้องกลับบ้านทางเดียวกันก็มักจะพากันเดินไปขึ้นรถเมล์กันที่อนุสาวรีย์ชัยฯ และส่วนใหญ่ก็มักจะแวะรองท้องก่อนกลับบ้านด้วยก๋วยเตี๋ยวเรือที่พายเรือมาจอดขายอยู่หลายลำที่คลองสามเสน จุดที่ก๋วยเตี๋ยวเรือจอดขายอยู่นั้นจะเป็นหัวมุมถนนสายหลักหมายเลข 1 ของประเทศไทยที่มีจุดสิ้นสุดอยู่ที่จังหวัดเชียงรายนั่นก็คือถนนพหลโยธิน

 

ตรงคลองสามเสนในยุคนั้นจะเป็นคลองเล็กๆ มีความกว้างไม่เกิน 5 เมตร ริมคลองจะมีเรือแจวลำเล็กพร้อมหม้อต้มและเครื่องปรุงพร้อมสรรพอยู่ในเรือ จอดเรียงรายเสียบหัวเรือเข้าหาฝั่งจำนวนกว่า 20 ลำ น้ำในคลองสามเสนยุคนั้นยังมีความใสไม่ขุ่นขลั่กและเหม็นเน่าเหมือนในปัจจุบัน ที่ตลิ่งริมคลองจะมีผ้าใยขึงไว้กันแดดและฝน มีม้านั่งตัวเล็กๆ ให้เราได้นั่งยองๆ ใครเป็นขาประจำร้านไหนก็เลือกชิมกันได้ตามอัธยาศัย ในยุคนั้นราคาต่อหนึ่งชามก็แค่ 50 สตางค์ ขนาดและปริมาณก็จะเป็นชามเล็กที่มีขนาดแค่ฝ่ามือประคองได้ เขาจะใส่น้ำก๋วยเตี๋ยวมาแค่พอขลุกขลิกปริมาณของเส้นก็ไม่ได้มากมายอะไรแค่ใช้ตะเกียบคุ้ยเข้าปากสองสามครั้งก็หมดชาม ซึ่งก็มีให้เลือกสั่งทั้งก๋วยเตี๋ยวหมูและก๋วยเตี๋ยวเนื้อแล้วแต่รสนิยม

 

 

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ นั่นก็คือ “กระเทียมเจียว” ซึ่งเขาจะใช้กระเทียมไทยกลีบเล็กสับแค่พอแหลกไม่แกะเปลือกนำไปเจียวในน้ำมันหมูร้อนๆ ใส่กากหมูหนังฟูกรอบชิ้นพอดีคำผสมลงไป เคล็ดลับที่หายากในก๋วยเตี๋ยวเรือปัจจุบันก็คือ เขาจะใส่กะปิลงไปเจียวพร้อมกระเทียม จึงทำให้กระเทียมเจียวของก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ นั้นหอมกลิ่นกะปิและมีรสชาติเค็มเล็กน้อยแก้เลี่ยนได้ดีนัก จนบางคนต้องสั่งกากหมูเปล่าๆ มากินแกล้มกับก๋วยเตี๋ยวเรือ

 

และทุกวันที่กลับบ้าน ถ้ามีเวลาพอ “แม่ลิ้นจี่” กับบรรดาเพื่อนๆ อีก 4 คนก็มักจะแวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือกันเป็นประจำ จนมีอยู่วันหนึ่งเพื่อให้เกิดความตื่นเต้นและเกิดอรรถรสในการกินจึงได้ท้าทายกันว่า เรามากินก๋วยเตี๋ยวแข่งกันถ้าใครกินน้อยที่สุดคนนั้นจ่ายเงิน เมื่อทุกคนเข้าใจกฏกติกากันดีแล้วจึงเริ่มสั่งก๋วยเตี๋ยวมาโซ้ยกันโดยต่างคนไม่พูดไม่จาให้เสียเวลา แรกๆ นั้นก็รู้สึกรื่นคอดีอยู่ แต่พอชามหลังๆ นี่ชักจะกลืนไม่ค่อยลง หันไม่มองเพื่อนข้างเคียงบางคนเล่นนำลิ่วชามตั้งเรียงซ้อนไป 9-10 ชามแล้ว แต่เรายังกินได้แค่ชามที่ 5 ลางแห่งการพ่ายแพ้มองเห็นได้ชัดเจน สรุปวันนั้นเรากินได้แค่ 6 ชาม แต่เพื่อนๆ ไม่รู้มันตายอดตายอยากมาจากไหนบางคนกินเกิน 10 ชาม เอาเป็นว่าเราแพ้ต้องเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าอะไรว่ะกินน้อยกว่าคนอื่นดันต้องมาจ่ายสตางค์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยังจดจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ และนี่ก็เป็นเรื่องคุยกันเล็กๆ น้อยของบรรยากาศในการกินก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ ในยุคปี 2512

---

 

 

แพนงเนื้อตอตอญ่า โรงแรมใบหยก สกาย

 

ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะย้อนกลับมาสู่ปัจจุบันว่าในช่วง “เทศกาลวันลอยกระทง” ปีนี้ที่ร้านไหนเขามีอะไรที่น่าลิ้มลองกันบ้าง..เรามาเริ่มต้นร้านแรกกันที่
ที่ Sky Coffee ชั้น 18 โรงแรมใบหยก สกาย ขอแนะนำอีกหนึ่งเมนู Festive season ต้อนรับลมหนาวที่กำลังมาเยือนด้วย “แพนงเนื้อตอติญ่า” อิ่มอร่อยกับรสชาติแบบต้นตำรับหอมกลิ่นเครื่องเทศแบบไทยๆ พร้อมด้วยข้าวสวยเนื้อนุ่มห่อด้วยแผ่นแป้งตอตอญ่าสไตล์แม็กซิกัน ที่นำมากริลล์บนเตาร้อนๆ จนหอมได้ที่ รับประทานเคียงคู่กับซอสแพนงเนื้อช่วยเพิ่มความอร่อยได้มากมาย รับประกันความอร่อยกับเมนูฟิวชั่นจานนี้เพียง 159 บาท โทรศัพท์สอบถามความอร่อยได้ที่ Baiyoke Call Centre 0-2656-3939..

---

 

 

เมนูจำปา โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจฯ

 

ห้องอาหารมิสสยาม โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ กรุงเทพฯ ขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองสำรับอาหารไทยชุด “จำปา” ที่คงความอร่อยครบเครื่องแบบต้นรับอาหารไทยขนานแท้ เริ่มต้นด้วยของว่าง ข้าวเกรียบปากหม้อ ปอเปี๊ยะปู และข้าวตังหน้าตั้ง ตามด้วยซุปร้อนๆ ต้มข่าไก่ จัดจ้านด้วยพล่ากุ้งตะไคร้สด ครบเครื่องสมุนไพรกับอาหารจานหลัก หลนเนื้อปูกับปลาฟู แกงเขียวหวานไก่ หมูทอดกระเทียมพริกไทย ผัดผักบุ้งไฟแดง เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิร้อนๆ ปิดท้ายด้วยผลไม้ตามฤดูกาล ในราคาเพียงชุดละ 700 บาท++ แวะมาลิ้มลองกันได้ทุกวันทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ โทรศัพท์สำรองความอร่อยได้ที่ 0-2217-0777...

---

 

 

บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์

 

ห้องอาหารจีนเดอะ โกลเด้น พาเลซ โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ สุขุมวิท 20 ขอเชิญทุกท่านมาอิ่มอร่อยกับโปรโมชั่นพิเศษทุกวันจันทร์ Golden Monday อิ่มเอมกับ “บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ” มื้อกลางวันและมื้อค่ำ ลดราคาเหลือเพียงท่านละ 400 บาทถ้วนเท่านั้น (จากราคามื้อกลางวันท่านละ 655 มื้อค่ำ 755 บาท) ได้อร่อยแบบไม่อั้นไม่จำกัดชั่วดมงกับติ่มซำสไตล์กวางตุ้งกว่า 35 รายการ อาทิเช่น ขนมจีบ ฮะเก๋า ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง แซลมอนนึ่งมะนาว กุ้งนึ่งมะนาว ก้ามปูผัดผงกะหรี่ ปลานึ่งซีอิ๊ว เต้าหู้นึ่งหอยเชลล์ ซี่โครงหมูเต้าซี่ ซาลาเปาหมูแดง ฯลฯ พร้อมเลือกออร์เดิฟซุป ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว ท่านละ 1 เมนู อาทิเช่น เป็ดย่างฮ่องกง ซุปเสฉวน ข้าวผัดหยางเจา ฯลฯ ตบท้ายด้วยของหวานสาคูแคนตาลูป โทรสำรองที่นั่งได้ที่ 0-2262-1234..

---

 

 

ก้ามปูหิมะสไตล์ญี่ปุ่น ที่ห้องอาหารมิกาโดะ

 

ห้องอาหารญี่ปุ่นมิกาโดะ โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง กรุงเทพฯ ขอเชิญทุกท่านมาอิ่มอร่อยกับสารพัดเมนูที่ปรุงจาก “ก้ามปูหิมะสไตล์ญี่ปุ่น” เนื้อแน่น สดหวาน ก้ามโต ที่พร้อมเสิร์ฟแบบพรีเมี่ยม อาทิ ก้ามปูหิมะผัดเส้นราเมนซอสเกลือและโซยุ ก้ามปูหิมะชาบู สลัดก้ามปูหิมะเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดผลไม้ ข้าวหน้าปลาดิบรวมเสิร์ฟพร้อมก้ามปูหิมะ ในราคาเพียงเมนูละ 750 บาทเท่านั้น เชิญแวะมาลิ้มลองกันได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2560 โทรสำรองที่นั่งได้แล้วที่ 0-2281-3088 ต่อ 109...

---

 

 

ขาหมูเยอรมัน โรงแรมแคนทารี กบินทร์บุรี

 

ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก โรงแรมแคนทารี กบินทร์บุรี ขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองความอร่อยของเมนูแนะนำ “ขาหมูเยอรมัน” ที่ผ่านกระบวนการหมักอย่างพิถีพิถันจนเครื่องปรุงซึมซาบเข้าเนื้อใน ก่อนนำมาทอดจนกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ซอสพริกไทย มัสตาร์ด และสลัดมันฝรั่ง สัมผัสรสชาติสุดพิเศษได้ในราคาเพียง 550 บาท++ เท่านั้น โทรสำรองที่นั่งได้ที่ 037-282-699..