วันจันทร์ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 12:01 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

บ้านเมืองพระเครื่อง

อ. วันชัย : วันอาทิตย์ ที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2562, 09.07 น.

พระราหูเทพฝ่ายดี “นิตยโพธิสัตว์” “อสุรินทราหูโพธิสัตว์” สำนักกายสิทธิ์

พระราหูเทพฝ่ายดีนิตยโพธิสัตว์

อสุรินทราหูโพธิสัตว์สำนักกายสิทธิ์

        

 

♦♦♦ หากเอ่ยชื่อของ " พระราหู " นั้น ย่อมเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากถือว่ามีความเกี่ยวข้อง และมีอิทธิพลทางความเชื่อ ในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ซึ่งก็มีคติทางความเชื่อที่แตกต่างกันไป โดยบางคตินั้นก็เชื่อถือกันว่า ท่านคือหนึ่งในเทวดานพเคราะห์ (คราส) ตามแนวทางโหราศาสตร์ของไทย และบางคติก็นับถือเป็นอสูร ผู้เป็นอมตะเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤต ในคราวที่ทำพิธีเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาทั้งหลาย ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ฮินดู

 

 

♦♦♦ ในสายวิชาของท่านอาจารย์ศุภกิจ แห่งสำนักกายสิทธิ์ ซึ่งได้รับการสืบทอดวิชาการจัดสร้าง และตำราการปลุกเสกพระราหู มาจากท่านอาจารย์อ๊อด ยกพล (อดีตพระอาจารย์ยกพล วัดหนองดง จังหวัดชัยภูมิ) โดยเป็นการสร้างตามตำรับโบราณที่ได้สืบทอดต่อๆกันมา หลายต่อหลายรุ่น ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตามตำราไม่ว่าจะเป็น " เครื่องคายบูชาครู " นั้น ต้องถือว่ามีความแตกต่าง กับคตินิยมในยุคปัจจุบันนี้ ที่มักจะถวายของดำกัน ซึ่งอาจจะเข้าใจได้ว่าเพราะราหูมีวิมานสีดำ จึงให้ใช้ของดำเป็นเครื่องสักการะก็เป็นได้

 

 

♦♦♦ การบูชาพระราหูในตำราโบราณแล้ว จะนำผลไม้คือส้ม อันแทน สัญลักษณ์ แห่ง พระอาทิตย์ และพระจันทร์ และเครื่องแกงขนมหวานทั้งหลาย ตามที่ตำราได้กำหนดเป็นสำคัญ รวมไปถึงการทำเทียนเวียนหัว เทียนกลางอก เขียนพับศอก และยังใช้น้ำมะพร้าวแทนน้ำมนต์ ในการประพรมที่วัตถุมงคลอีกด้วย ซึ่งจะต้องเลือกวันเวลาที่ดี ตามตำราที่ได้กำหนดเอาไว้ เช่น "วันพรหมประสิทธิ์ " ใช้ฤกษ์ยามที่ดีที่สุด ในการปลุกเสกเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น โดยมีการใช้เครื่องหอมต่างๆ และเขียนผ้ายันต์เอาไว้รองเป็นที่ประทับแห่งพระราหู และวัตถุมงคลที่จัดสร้าง รวมไปถึงบทกล่าวอัญเชิญพระราหู, บทกล่าวถวายเครื่องสักการะพระราหู, บทกล่าวเบิกเนตรพระราหู และบทปลุกเสกพระราหู ซึ่งจะมีการแบ่งออกเป็น บทยันต์สุริยะประภา และบทยันต์จันทรประภา ซึ่งในยันทั้งสองดวงนี้จะมี อุปเทห์สำคัญ ในการใช้งานด้านต่างๆ อย่างมากมาย อาทิเช่น การเปิดโชค การหมุนดวงทางสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา การเข้าหาเจ้านาย การทำน้ำมนต์ค้าขาย การพบปะกับลูกค้า เพื่อใช้เป็นเสน่ห์เมตตา หรือแม้กระทั่งการเข้ารบศึกสงคราม ทางด้านการทหาร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และใช้ปกป้องคุ้มครองตัว ฯลฯ

 

 

 

♦♦♦ อาจารย์ศุภกิจ กิตติสกุลวงศ์ แห่งสำนักกายสิทธิ์ได้รับความไว้วางใจจากท่านอาจารย์ยกพลพระเกจิดังแห่งวัดหนอดง จ.ชัยภูมิ  มอบตำราสำคัญชุดนี้เป็นตำราที่ท่านหวงอย่างมาก แต่ท่านก็ได้ให้ความไว้วางใจ แก่อาจารย์ศุภกิจ เป็นผู้สืบทอดเอาไว้ ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ ซึ่งอาจารย์ศุภกิจได้นำตำราชุดนี้ มาจัดสร้างเป็นวัตถุมงคลในสายพระราหู อีกทั้งยังได้รับความเมตตาจาก พระอาจารย์อดุลย์ พรหมเสโน แห่งวัดสันนาเม็ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคม ในสายวิชาของหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จังหวัดระยอง ได้คอยให้คำแนะนำปรึกษา ซึ่งหลังจากที่ได้ชำระ และตรวจทานข้อมูลบางส่วนแล้ว กลับค้นพบว่าเนื้อหา และวิชาที่ปรากฏในตำราชุดนี้ มีความคล้ายคลึงกับตำรา(ปั๊บสา)ของทางสายล้านนา  จึงได้นำข้อมูลทั้งหมดที่ค้นพบ มาประกอบและรวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 

 

♦♦♦  โดยคติสำคัญในการจัดสร้างพระราหูของสายนี้ จะนับถือเป็นเทพฝ่ายดี ที่คอยอำนวยชัยให้แก่มนุษย์ ซึ่งปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา โดยถือว่าท่านคือ นิตยโพธิสัตว์ หมายถึง พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์แล้วว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่งในภายภาคหน้า พระนามว่า " พระนารทพระพุทธเจ้า " ซึ่งในขณะนี้ท่านมีนามว่า " อสุรินทราหูโพธิสัตว์ " โดยท่านอาจารย์ศุภกิจ แห่งสำนักกายสิทธิ์นั้น ได้เคยจัดสร้างวัตถุมงคลในสายพระราหู ออกมาให้บูชาแล้วหลายรุ่น ซึ่งผู้ที่ได้นำไปบูชานั้น ก็ต่างก็เกิดประสบการณ์กันอย่างมากมาย รวมทั้งการทำเทียนพระราหู ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างสูง ในเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา การค้ำหนุนดวง ให้รับทรัพย์เสริมโชคลาภเงินทอง   ซึ่งในขณะนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างดี ทั้งในชาวไทยและชาวต่างประเทศ สนใจเช่าบูชาติดต่อ 098-5517446