วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 01:13 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

บ้านเมืองพระเครื่อง

อ. วันชัย : วันเสาร์ ที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 15.32 น.

สังคมพระเครื่องบ้านเมืองออนไลน์ (7 มิ.ย.63)

“กร ทับทิมสยาม” จากนักข่าวสู่เซียนพระน้ำดี

 

 

♦♦♦  “กร ทับทิมสยาม” ร้านใหญ่ใจถึง “ตลาดนัดพระเครื่องพระราม 2”  น้อยคนนักที่จะรู้ว่าท่านผู้นี้เติบใหญ่มาจากไหน ก็ต้องตามไปถามกันหน่อยแหละครับ จึงได้รับคำตอบจากเจ้าตัวผมเป็นเด็กบ้านนอก เป็นคนพิษณุโลกบ้านอยู่ใกล้กับอาจารย์จำลอง สุริโย เซียนพระดังสนามพระท่าพระจันทร์รุ่น 40-50 ปีก่อนโน้น ได้ยินได้ฟังตลอดมาว่าพระเครื่องเป็นเรื่องดียึดเป็นอาชีพได้ มาอยู่กรุงเทพไปทำหน้าที่เป็นนักเขียนนักข่าวอยู่กับคนดีๆอย่างพี่เทวฤทธิ์ เฉลิมโยธิน ช่วยกันทำหนังสือชื่อ นิตยสารวงการพระเครื่องได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้ใหญ่ใจดีสมัยนั้นคือท่าน ดร.ไมตรี บุญสูงเจ้าของเหมืองแร่ใหญ่ภาคใต้ ให้เกียรติเป็นที่ปรึกษา

 

 

♦♦♦ กร ทับทิมสยามบอกด้วยว่า อยู่ทำหนังสือนิตยสารวงการพระเครื่อง นาน 7 ปี การทำหนังสือนิตยสารพระเครื่องต้องออกไปพบปะพูดคุยกับนักสะสมพระเครื่องที่มีความรู้เป็นเซียนพระหลายระดับเท่ากับว่าเรามีโอกาสกระทบไหล่เซียนดังและคนดังหลายคน ไปงานประกวดพระเครื่องใน กทม.และต่างจังหวัด กระทั่งตลาดพระเครื่องหลายแห่งทำให้ตนเองได้ความรู้เรื่องพระเครื่องและดูพระเป็นจึงเช่าหาบูชาพระเครื่องที่ชื่นชอบเก็บเข้าบ้านตลอดมา พระเครื่องที่ตนเองชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือ พระเครื่องเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ หลวงปู่ไปล่ วัดกำแพงและ หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง เป็นวัตถุมงคลที่ซื้อง่ายขายคล่องจากอดีตถึงปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนี้ ใครมีเงินสัก 10-20 ล้านก็ยังไม่พอที่จะเช่าหาบูชาพระของทั้งสามหลวงพ่อได้หมดเพราะราคาแพงขึ้นหลายเท่าตัว พระเครื่อง 3 วัดนี้ อาจารย์กร ทับทิมสยามบอกผมดูตาเดียวจบ 

 

 

♦♦♦ พระเครื่องที่เช่าบูชาเก็บเต็มบ้านจริงๆครับ ผมเช่าหาบูชาทุกอย่างยกเว้นพระเบญจภาคี จึงคิดเปิดร้านพระเครื่อง ไปเปิดเป็นครั้งแรกที่เดอะมอลบางแค ในปี พ.ศ.2542 -2545 จากนั้นไปเช่าพื้นที่ตามตลาดนัดพระเครื่องวางขายหลายแห่ง  กระทั่ง เก่ง คลองขวางเปิดตลาดนัดพระเครื่องพระราม 2 จึงไปเปิดร้านพระเครื่องอีกหนเป็นร้านใหญ่ตกแต่งสวยงามที่สุดในตลาดพระแห่งนี้ ชื่อร้าน “กร ทับทิมสยาม” เปิดร้านอยู่ที่นี่ 4 ปีแล้ว 000 ปัจจุบันตลาดพระเครื่องพระราม 2 มี “เฮียเม้ง บางมด”เข้ามาบริหาร ผมยอมรับว่าท่านผู้นี้ใจถึงพึ่งได้ อัธยาศัยไมตรีดีเยี่ยมเข้ามาจัดระบบบริหารงานปรับปรุงพัฒนาให้ตลาดพระแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักสะสมพระเครื่องเปิดให้ขายกันทุกวัน มีนัดใหญ่ วันจันทร์ วันศุกร์และวันอาทิตย์  เชิญนักสะสมพระเครื่องแวะเยี่ยมชมแลกเปลี่ยนซื้อขายพระเครื่องจากหลักร้อยถึงหลักล้านได้ทุกวัน  โทร.095-1590222


 

 

เสี่ยกุ่ย ยัน พระในตำนาน 40 ล้าน “พระตำแยปลอม”

 

 

 

 

♦♦♦  “ลุยไม่เลิกเสี่ยกุ่ย รัชดาจิกเรื่องพระสมเด็จต้องมีมวลสารครบตามที่หลวงปู่คำ บอกไว้ในคัมภีร์ใบลาน” พระสมเด็จที่เห็นมวลสารมากที่สุดสร้างในปี พ.ศ.2411 มีกระทั่งไม้แม่พิมพ์ที่เป็นเสี้ยนทำออกมาไม่สวยงามจึงนำไปเผาไฟเอาเศษขี้เถ้าไม้ถูกเผามาทำเป็นมวลสารในองค์พระสมเด็จมีเศษสิ่งสีดำ ต่อมาใช้หินทราย หินลับมีด แกะเป็นแม่พิมพ์แต่ก็ยากยิ่งกว่าจะได้แต่ละชิ้นละอันเป็นแบบ หลวงวิจารณ์จึงนำทองคำมาทำเป็นแบบแม่พิมพ์หลักและใช้แม่พิมพ์ทองคำเป็นต้นแบบกดเป็นพิมพ์พระสมเด็จปูนปอร์ตแลนด์ได้แม่พิมพ์อีกจำนวนมากเพียงพอกระจายไปทำพระสมเด็จด้วยพิมพ์ปูนปอร์ตแลนด์จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำพระสมเด็จยุคสมเด็จโตได้ถึง 4 ล้านองค์ และจะแจกให้องค์กรหลัก 300,000 องค์ เสี่ยกุ่ยคุยสำทับว่าไม่รู้อย่าได้วิจารณ์หรือทำตัวเป็นคนปัญญาอ่อน

 

 

 

♦♦♦ อีกอย่างหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจกันนั่นคือ ร.ศ.87 (ไม่ใช่ ร.ศ.83) รัชกาลที่ 5 เป็นผู้ประกาศใช้ เทียบได้กับ พ.ศ. 2411 เหตุที่ใช้ พ.ศ.บ่งบอกในแม่พิมพ์เพื่อต้องการเทียบให้รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานปีไหน ซึ่งใช้เป็นบางโอกาสและมาประกาศยกเลิกการใช้ ร.ศ. ในยุครัชกาลที่ 6 

 

 

♦♦♦ เสี่ยกุ่ย รัชดา ลุยวงการพระเครื่องเรื่อง “พระในตำนานว่าเป็นพระตำแย”  ว่าหมายถึงอะไรกันแน่  ที่แท้ก็คือพระไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน มีแต่เขาเล่าว่า เขาบอกว่า เล่าขานกันมาไม่มีประวัติศาสตร์  ไม่มีวิทยาศาสตร์  พิสูจน์ไม่ได้ว่าพระสมเด็จมีมวลสารอะไรอยู่บ้าง เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2563 มีนักสะสมพระเครื่องรุ่นเก่านำพระสมเด็จที่ลงหน้าปกหนังสือนิตยสารพระเล่มหนึ่งเมื่อ 23 ปีก่อนบอกว่าราคา 40 ล้านบาทมาให้ตรวจเช็คด้วยกล้องเทคโนโลยีสูง และตรวจสอบมวลสารไม่ผ่านไม่มีมวลสารตามที่หลวงปู่คำบันทึกไว้ในคัมภีร์ใบลานเก่าแก่แต่อย่างใด  เจ้าของพระตกใจ ไม่คิดว่าพระในตำนานจะปลอม แต่ท่านเป็นผู้มีจิตใจที่ดีงามมอบพระสมเด็จองค์นั้นให้ศูนย์พระรัชดาไว้เป็นวิทยาทานแก่ผู้เล่นพระเครื่องที่ไม่มีประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หลักฐานที่จับต้องได้ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน จึงให้นำมาเผยแพร่ได้


 

 

เปิดแล้วตลาดนัดพระเครื่องพระราม ๒

        

 

♦♦♦ วันศุกร์ที่ผ่านมา 5 มิถุนายน 63 โฉบไปดูตลาดพระเครื่องพระราม 2 ซึ่งเป็นวันนัดใหญ่ของตลาดนัดพระเครื่องแห่งนี้ จากการสอบถามพูดคุยกับผู้บริหารตลาดพระเครื่องพระราม 2 “คุณเม้ง บางมด” คนวงการพระเรียกกันว่าเฮียเม้ง บางมด ไปถึงสองโมงเช้าได้เห็นผู้ค้าวัตถุมงคลเต็มพื้นที่แล้วประมาณ 300 รายขนของตั้งวางขายตามโต๊ะที่ผู้บริหารตลาดจัดให้เว้นระยะห่างทางสังคม โต๊ะละ 2 เมตร จัดให้เข้าออกได้ทางเดียว มีเจ้าหน้าที่ประกาศขอความร่วมมือผู้ค้าและเหล่าเซียนพระเครื่องให้ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐตลอดเวลาเช่น ขอให้ทุกท่านสวมหน้ากากอนามัยท่านใดไม่มี แจกฟรีให้หนึ่งอันอีกต่างหาก  จัดสมุดลงทะเบียนลงชื่อ หรือสะแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” เช็คอิน เช็คเอ้าท์ และมีการตรวจวัดไข้ด้วยเครื่องทันสมัย พร้อมตั้งวางเจล ล้างมือไว้ทั่วบริเวณตลาดอำนวยความสะดวกทั้งผู้ค้าวัตถุมงคลและนักสะสมพระเครื่องเพื่อปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโรคโควิด-19

 

 

 

♦♦♦ เสี่ยเม้ง บางมด ผู้บริหารตลาดพระเครื่องพระราม 2 กล่าวว่า ที่นี่เป็นตลาดพระเครื่องเปิดโล่งไม่ใช่ห้องแอร์ เราใช้พัดลมระบายอากาศตลอดวันความปลอดภัยจึงมีสูง ประการสำคัญก็คือผู้ค้าและเซียนพระหรือนักสะสมพระเครื่องต่างให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของทางราชการเป็นอย่างดี เราจึงมั่นใจในความปลอดภัยห่างไกลการติดเชื้อโควิด-19 ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ วันนี้วันศุกร์เป็นวันนัดใหญ่ผู้ค้าและเซียนพระนักสะสมพระเครื่องจะรู้ว่าที่นี่มาแล้วซื้อขายได้ต่างเดินทางมากันแต่เช้าเราเปิดให้เข้าตั้งแต่ตีห้า เปิดขายแค่ครึ่งวันถึง 12.00 น.เท่านั้น ตลาดพระเครื่องพระราม 2 เปิดให้ค้าขายทุกวันแต่นัดใหญ่ มีอาทิตย์ละ 3 วันคือวันอาทิตย์ วันอังคารและวันศุกร์ เราต้องการช่วยเหลือให้คนที่ยึดอาชีพนี้มีที่ทำกินค่าโต๊ะวางพระเครื่องเก็บวันละ60 บาท เท่านั้นเองถูกที่สุดแล้ว ช่วงนี้ทางการให้เว้นระยะห่างทางสังคมต้องเสียพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งจากที่เคยให้ตั้งวาได้ 500-600  เฮียเม้ง บางมด ยืนยันด้วยว่าเราก็ยินดีและจะเข้มงวดในช่วงที่ทาง  สบค.ผ่อนปรนระยะที่ 3 ทำให้พวกเราเปิดสนามหรือพระตลาดพระเครื่องค้าขายได้ทำให้เราคุ้นเคยกับการใช้  “ชีวิตวิถีใหม่”หรือ New Normal


 

 

เสธ.เฉิด เปิดร้านพระเครื่องตึกแดง

 

 

♦♦♦ พลตรีเฉิดวิทย์ กองจินดาหรือ “เสธ.เฉิด” ชื่นชอบและสะสมพระเครื่องอย่างเงียบๆมานานกว่า 30 ปีจึงมีความรู้เรื่องพระเครื่องไม่ธรรมดาท่านหนึ่ง ยามว่างสมัยเป็นทหารย่องเข้าสนามพระศึกษาหาความรู้จากเซียนดังหลายคน เช่น อ.สมศักดิ์ จวงสวัสดิ์ อ.วิวัฒน์ เรืองพรสวัสดิ์ อ.เทพ เชียงราย  และอีกหลายคน ความสนใจพระเครื่องอย่างจริงจังของเสธ.เฉิด ทำให้ลูกชายของลุงซึ่งสนิทรักใครกันมากได้รับมรดกพระเครื่องจากคุณพ่อของเขาที่ผมเรียกท่านว่าลุง คุณลุงบวชเรียนรุ่นเดียวกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)วัดระฆัง เก็บพระไว้เยอะจึงตกทอดเป็นมรดกของลูกชาย และลูกชายคุณลุงที่รักใครชอบพอกับผมได้มอบพระทั้งหมดที่เก็บรักษามาให้ดูแลรักษาต่อ เสธ.เฉิด ได้หยิบพระเครื่องที่ใช้ติดตัวห้อยคอตลอดมาให้ดู มีทั้ง พระสมเด็จวัดระฆัง พระหลวงพ่อเงินบางคลานพิมพ์ขี้ตาสามชาย เหรียญปราบฮ่อ ร.5 เหรียญหลวงปู่เอี่ยมวัดหนังฉลุหน้าทองคำลงยา  ปัจจุบัน พลตรีเฉิดวิทย์ กองจินดาหรือ เสธ.เฉิดเปิดร้านพระเครื่องเป็นร้านใหญ่อยู่ที่ตึกแดงตรงข้ามตลาดจตุจักร ถนนกำแพงเพชร 2

 

 

 

♦♦♦ เชิญแวะชมพระเครื่องแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยความยินดี อาทิตย์ที่ผ่านมามีแฟนคลับรุ่นใหญ่หลายท่านมาร่วมสังสรรค์เช่น อ.ธวัช เข็มครุฑ อ.โกร่งศรีสวัสดิ์ คุณไตรเทพ ไกรงู  เสธ.เฉิดยังกล่าวฝากขอบคุณสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยที่เป็นองค์กรหลักเผยแพร่กิจกรรมกิจการพระเครื่องไทยไปถึงต่างชาติได้รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น เช่น จีน มาเล สิงคโปร์ ฮ่องกง และในยุโรปอีกหลายประเทศ พระองค์ครูที่ให้ดูวันนี้เสธ.เฉิดห้อยคอใช้ติดตัวมาหลายสิบปีเป็นพระหลวงพ่อเงินบางคลานพิมพ์ขี้ตาสามชาย ประสบการณ์มากหลาย สนใจแวะชมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โทร. 081-7228393