วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 13:20 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

บ้านเมืองพระเครื่อง

อ. วันชัย : วันเสาร์ ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 20.01 น.

เสี่ยกุ่ยแหกกฎตัวเองยกย่องเบตง 2 พระสุดยอดพิธี เจตนาคนสร้างดี

 

 

♦♦♦ เสี่ยกุ่ย รัชดา เคยประกาศตลอดมาว่า “จะเช่าหาสะสมพระหลวงพ่อทวดเฉพาะรุ่นที่อาจารย์ทิมวัดช้างให้ปลุกเสกเท่านั้น” แต่เสี่ยกุ่ยไปช้อนซื้อพระหลวงพ่อทวดรุ่นเบตง 2 ที่ท่านสวัสดิ์ โชติพานิชเป็นคนสร้าง ไม่ทันอาจารย์ทิม เก็บไว้นับเป็นพันเหรียญจึงถูกมองว่า “เสี่ยกุ่ยแหกกฏตัวเอง” เหตุผลเป็นอย่างไรไปฟังเสี่ยกุ่ยกันว่าทำไมถึงกลับคำ ผมยกเว้นรุ่นเดียวเพราะเกี่ยวเนื่องกับคนสร้างพระหลวงพ่อทวด เบตง 2 ท่านอดีตประธานศาลฎีกา ท่านสวัสดิ์ โชติพานิช ท่านเป็นคนสร้าง พระหลวงพ่อทวด เบตง 1 ปี 2505 และ หลวงพ่อทวดพิมพ์บัวรอบ ปี 2508 ท่านสร้าง รุ่นเบตง 2 ปี 2537 เป็นพระที่ไม่มีเรื่องพุทธพาณิชย์ สร้างด้วยความบริสุทธิ์รู้มาว่าตัวท่านสวัสดิ์เองเก็บไว้ 1,500 เหรียญ จะใช้ในวาระสุดท้าย เป็นพระที่ผู้สร้างมีเจตนาดี พิธีดี เจอที่ไหนผมซื้อหมดไม่เกี่ยงราคาตอนนี้เสี่ยกุ่ยเก็บเหรียญเบตง 2 ไว้เป็นพันเหรียญแล้ว ผมจึงยอมยกเว้นหลวงพ่อทวด รุ่นเบตง 2  หรือรุ่นเลขใต้ฐาน ปี 2537 เสี่ยกุย รัชดายังบอกด้วยว่าตอนนี้มีของเก๊ออกมาแล้วแต่สีไม่เหมือนของแท้จึงยังแยกแยะได้ ใครจะเช่าหาบูชาให้ระวังพวกอุปโลกจ้องจะขายอย่างเดียวราคาถูกก็ขายต่อเท่าไหร่ก็ให้ หลวงพ่อทวด เบตง 2 น่าใช้ผมให้หลานทั้ง 2 คนใช้ติดตัวตลอด รุ่นนี้ดีกว่าพระที่สร้างใหม่ๆ ราคาก็ไม่ใช่ถูกเจตนาผู้สร้างไม่บริสุทธิ์หวังพุทธพาณิชย์มากเกินไปใครทำได้อย่างท่าน สวัสดิ์ โชติพานิชผมก็จะเช่าหามาใช้เช่นกันนี่คือเหตุผลที่ต้องแหกกฎตัวเอง

        

 

♦♦♦ เสี่ยกุ่ยคุยย้ำเรื่อง พระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดเนื้อทองคำปี 05 มีสร้างไว้สมัยหลวงปู่ทิมยังอยู่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรหรือองค์ชายกลาง เป็นผู้อุปถัมภ์ในการสร้างหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะที่เรียกว่าหลังเตารีดที่ต้องใช้ทุนสูง โดยเอาเค้าโครงมาจากหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปี 2497 เนื้อผงมาสร้างเป็นเนื้อโลหะจะไม่ชำรุดเสียหาย เสี่ยกุ่ยตอกย้ำว่าสมัยนั้นวัดไม่มีทุนสร้างเนื้อทองคำ ใครอยากได้ก็หาทองคำมาให้วัดทำ เสี่ยกุ่ยเป็นคนเดียวในปัฐพีที่รวบรวมพระหลังเตารีดทองคำที่มีตอก 1 ฉ.ถึง 15 ฉ.พร้อมลายเซ็น ใช้เวลาถึง 8 ปีจึงได้ครบ เสี่ยกุ่ยบอกด้วยว่าตัวท่านเองเก็บ ตั้งแต่ 1ฉ.- 7 ฉ.มีซ้ำ 8 ฉ. – 15 ฉ.มีอย่างละองค์ “จัดเป็นหนึ่งเดียวในปัฐพี องค์ประวัติศาสตร์ของจังหวัดปัตตานี” ใครเคยเห็นที่ไหนถ้าเหมือนของผมให้มาเอาฟรีจากผม 1 องค์ ถ้าใครทำปลอมได้ต้องเหมือนของผม เสี่ยกุ่ยบอกผมจะยอมให้เรียกผมว่าหมาแต่ถ้าทำไม่เหมือนคุณก็เป็นหมานะครับ...... โอ้ท้ากันแรงขนาดนี้คงไม่มีใครอยากตอแยกับเสี่ยกุ่ยแน่เลยคงยอมให้เป็นหนึ่งในปฐพีไปตลอดชีวิต

 

 

♦♦♦ เสี่ยกุ่ย เจ้าของรังพระทองคำ นำพระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดเนื้อทองคำมาอวด พร้อมชี้แจงว่ามีอยู่องค์หนึ่งที่เป็นหนึ่งเดียวในปัฐพี พระหลังเตารีดทองคำหลังตอกถึง 13 ฉ. เจ้าของคือ เสี่ยโกฮง ไปที่วัดช้างให้ในปี 2505 อยากได้พระหลังเตารีดทองคำที่วัดไม่มีทุนซื้อทองมาทำ เสี่ยโกฮงจึงนำทองไปให้วัด ขณะช่างเททองหลอมทองขาดไม่เต็ม เสี่ยโกฮง ถึงกับถอดสร้อยคอทองคำส่งให้ช่างหย่อนลงในเบ้าหลอมทองคำก็ยังไม่เต็มขาดอีกนิดเดียว เสี่ยโกฮงจึงเอาขอสร้อยอันใหญ่ให้ช่างยัดไส่ไปจึงเหลือปลายขอสร้อยห้อยออกมานิดหนึ่ง ช่างจะตัดเสี่ยโกฮงเจ้าของพระไม่ให้ตัด ปัจจุบันจึงเป็นองค์ประวัติศาสตร์ของปัตตานี เป็นที่รู้กันดีว่าเสี่ยกุ่ยนิมนต์ไปกรุงเทพแล้ว

           

 

♦♦♦  มีโอกาสไปติดตามดูความเคลื่อนไหวในวงการพระเครื่องที่มีศูนย์พระอยู่นอกศูนย์การค้า ได้พบกับคุณสุทธิ ทำงานอยู่องค์การรัฐ ได้ดูคลิบเสี่ยกุ่ย รัชดาเป็นประจำ จึงนำพระสมเด็จที่เก็บไว้หลายปีให้ศูนย์พระรัชดาตรวจเช็คด้วยเครื่องเทคโนโลยีสูงไม่มีมวลสารตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณของพิพิธภัณฑ์สามแผ่นดิน เสี่ยกุ่ยบอกไม่แท้ ก่อนเจ้าของพระจะกลับได้เดินดูพระในตู้โชว์ศูนย์พระรัชดา เห็นพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ เนื้อผงพุทธคุณในตู้ศูนย์พระรัชดาเกิดความอยากได้ ถามราคาแล้วไม่มีเงินพอเช่าหา จึงกลับไปก่อน คุณสุทธิเล่าว่าในใจใฝ่ฝันอยากได้พระสมเด็จของสมเด็จโตวัดระฆังใช้สักองค์จึงพยายามสวดพระคาถาชินบัญชรทุกวันเป็นเวลากว่า 3 เดือน รวบรวมเงินได้พอแล้วจึงไปหาเสี่ยกุ่ยที่ศูนย์พระรัชดาอีกครั้ง ขอบูชาพระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์สังฆาฏิกลับบ้านไปด้วยความพึงพอใจพร้อมใบรับรองพระแท้ของศูนย์พระรัชดาที่เสี่ยกุ่ยออกให้