วันพุธ ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 10:30 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

บ้านเมืองพระเครื่อง

อ. วันชัย : วันอาทิตย์ ที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 10.03 น.

สังคมพระเครื่องบ้านเมือง (1พ.ย.63)

เสี่ยกุ่ย ยังลุยต่อไม่เลิกเร่งให้คืนพระ

       

♦♦♦ “เสี่ยกุ่ย รัชดา” เจ้ากรมพระทองคำที่ใหญ่ที่สุดออกโรงโต้กลับข่าวครึกโครมตำรวจกองปราบจับกุม โดยบอกว่ามีคนไปร้องเรียนเขาก็ต้องทำหน้าที่มาเชิญตัวไป ทุกคนยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ผมก็ยังสบายดีมีความสุขตราบใดที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ผมดูแล้วมีบางสื่อลงข้อมูลเกินกว่าความเป็นจริง 80-90 เปอร์เซ็นต์ต้องรับผิดชอบในทางคดีนี้ด้วยครับ  เสี่ยกุ่ยบอกผมเป็นผู้เดียวที่มาเปิดเผยความเน่าเหม็นของวงการพระเครื่อง ไม่มีความรู้ใช้แบบฟังเขามาเดาเอาคิดว่าใช่หรือไม่ใช่ ปัจจุบันมีเครื่องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้แล้วว่าพระมีส่วนผสมอะไรบ้างด้วยกล้องขยาย 1,600 เอ๊กซ์ และเครื่องฟลูออเรสเซนต์สะแกนแยกมวลสารออกมาให้รู้ว่ามีอะไรกี่เปอ์เซ็นต์ ขอบคุณแฟนคลับที่ให้กำลังใจ ผมจะเดินหน้าลุยต่อไป  ปัจจุบันเมืองไทยยังไม่มีองค์กรใดสถาบันใดที่ตรวจเช็คพระได้และรับรองด้วยพระเครื่องที่ได้มาตรฐานถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไร ก็มีที่ผมนี่แหละใช้เครื่องเทคโนโลยีสูงพร้อมเครื่องฟลูออเรสเซนต์สะแกนเสี่ยกุ่ยตอกย้ำ ผู้เขียนเป็นสื่อตรงนี้เป็นแหล่งข่าวต้องไปดูการพิสูจน์ด้วยเครื่องนี้เห็นแล้วดูแล้วมีความศรัทธาแต่ก็สงสัยหลายอย่างเช่น ข้อมูลมวลสารพระสมเด็จที่เห็นแล้วบอกว่าเป็นนั่นเป็นนี่มีในเครื่องได้อย่างไรเสี่ยกุ่ยบอกให้ไปดูมีในใบลานของหลวงปูคำบันทึกไว้ที่สามแผ่นดินอยู่ถึงสงขลาผมหมดปัญญาไป ส่วนเครื่องสะแกนเชิงลึกเป็นเครื่องที่มีใช้พิสูจน์เปอร์เซ็นต์ทองคำเงินทองแดงมีตามร้านทองใหญ่ๆใช้อยู่แล้วครับ

 

 

♦♦♦  ผู้เขียนถามว่ารู้ได้ยังไงที่ออกมาบอกว่าชาวจีนจะมาคืนพระ เสี่ยกุ่ยบอกว่าผมพูดได้หลายภาษาจึงรู้ข่าวนี้ก่อนใคร ขอบอกให้คนวงการพระเครื่องรู้ว่าชาวจีนกำลังจะมาคืนพระที่ซื้อไปจากเซียนพระเมืองไทยหลายร้อยหรือเป็นพันล้าน ก็ต้องรอดูว่าจะจริงหรือไม่จริงตอนนี้ไม่ใช่มาง่ายโดนมาตรการโควิด 19 กักตัวหลายวัน เสี่ยกุ่ยเตือนสื่อลงข่าวเกินความจริงต้องรับผิดชอบตัวเอง ความจริงจะเปิดเผยออกมาไม่ช้านี้และยืนยันว่าศูนย์พระรัชดาเปิดให้บริการตรวจเช็คพระเครื่องตามปรกติด้วยเครื่องเทคโนโลยีสูงหรือเครื่องวิทยาศาสตร์ตรวจเช็คได้ทั้งพระเนื้อผงและเหรียญทุกวันเหมือนเดิม แฟนคลับไม่ต้องห่วงผมสบายดีและจะลุยสู้กับเซียนพระที่ไม่มีความรู้ต่อไป

 

♦♦♦ ผู้เขียนเดินสนามพระมานานกว่า 30 ปีได้เห็นการเช่าหาหรือที่เรียกว่าเล่นหาพระเครื่องสะสมพระเครื่องเครื่องรางสืบทอดกันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ รวมถึงตัวผู้เขียนด้วยพ่อแม่ก็สะสมไว้ให้เช่นกัน จึงเป็นความชื่นชอบและเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ให้โชคให้ลาภและด้านแคล้วคลาด “เป็นเรื่องของความศรัทธาความชอบความเชื่อส่วนตัว” พระเครื่องหรือเครื่องรางองค์เดียวกันแท้ๆส่งให้เซียนพระดูคนที่ชอบก็ซื้อไปคนไม่ชอบก็ไม่ซื้อเป็นเรื่องธรรมดาแต่ขอ ขออย่าได้ สวด”  “ทางใครทางมัน” ในวงการพระเครื่องเขารู้กันดีและก็อยู่กันแบบนี้ครับแต่เสี่ยกุ่ยคุยโขมงว่าใช้กล้องขนาดใหญ่ขยายได้และมีเครื่องสะแกนเชิงลึกบอกว่าพระมีมวลสารอะไรกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ของวงการพระเครื่อง เสี่ยกุ่ยยังคุยอยู่เสมอว่าใครไม่ชอบผมก็อย่ามาเปิดดูผมถ้าดูแล้วคอมเม้นท์ผมในทางเสียหายอาจถูกฟ้องหรือปิดคอมเม้นท์คุณทิ้ง คงไม่ต่างอะไรกัน ก็ทางใครทางมันนั่นแหละใครชอบก็ดูไม่ชอบก็ไม่ต้องไปดูแล้วอย่าคอมเม้นท์กู จบ.


 

เฟสส่วนตัว อ.รักษ์ท้าจ่ายล้านคนพาคืนพระ

 

 

 

♦♦♦  เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “รักษ์ ศรีเกตุ” โพสเฟสส่วนตัวว่าวันนี้ ตำรวจมาตรึม คิดว่ามาแจ้งข้อหาที่แท้พี่ตำรวจคนสนิทที่คิดถึงนานนับสิบปีมาเยี่ยมเยือน  พาลูกน้องมารู้จักตกใจหมดคิดว่ามาจากสามแผ่นดิน อ.รักษ์ ศรีเกตุ ลงเฟสบุ๊คออกตัวแรงหลังได้ข่าวว่าคนจีนยกโขยงมาคืนพระที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานหลายร้อยล้านก็เลยโพสลงเฟสส่วนตัวรักษ์ ศรีเกตุซะเลย มีใจความว่า วันไหนคนจีนเอาพระมาคืนบนห้างพันธุ์ทิพย์ 400 ล้าน ช่วยบอกทีอยากดูหน้าคนซื้อกับคนขาย ผมจะจ่ายสดๆให้คนที่พาคนจีนมาคืนพระ หนึ่งล้านบาทฟรี อ.รักษ์ ศรีเกตุบอกด้วยว่าอยู่บนห้างพันธุ์ทิพย์มาเกือบ 20 ปีไม่เคยได้ยินใครเซียนพระคนไหนบนพันธุ์ทิพย์ขายพระเครื่องให้คนจีนถึง 400 ล้านสักคน รู้แต่คนที่ทำเหรียญเก๊ไปขายให้รังใหญ่ 6-7 ร้อยล้าน คนทำรวยคนซวยไม่รู้ใคร


 

ผู้การวี” ได้ร้านใหม่ใหม่สดใสขายดี

           

 

♦♦♦ “ผู้การวีรพันธ์” พลเรือเอกวีระพันธ์ บางท่าไม้ เป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุนใหม่  ท่านมียศมีตำแหน่งในวงการทหารเรือไม่ธรรมดามาก่อน แต่ไม่ยึดติดกับยศตำแหน่งใช้ความรู้ที่มีอยู่คือเป็นผู้สะสมเหรียญที่ระลึกเหรียญกษาปณ์ เหรียญแพรแถบ กระดุมสมัยเก่า เข็มกลัด และของที่ระลึก “ลูกเสือ” และเสือป่า มานานกว่าครึ่งชีวิตจัดได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญการเหรียญที่ระลึกหลายยุคหลายสมัย ซื่อตรงจงรักภักดี  พ้นจากหน้าที่ราชการแล้วท่านจึงมาเปิดร้านไชยมงคลนำสิ่งที่ชื่นชอบสะสมไว้หลายสิบปีออกแบ่งให้ผู้ชื่นชอบไปครอบครองสะสมต่อเป็นเสมือนสมบัติผลัดกันชมสู่รุ่นลูกหลาน และยังเช่าหาเพิ่มเติมเข้าร้านตลอดมา “ร้านไชยมงคล” เปิดอยู่บนห้างพระเครื่อง sc สายใต้ใหม่พลาซ่า ชั้น 2 เป็นสนามพระใหญ่ รถทุกสายไปใต้ต้องผ่านต้องจอดรับ

 

 

♦♦♦วันนี้นำเหรียญที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ปี พ.ศ.2503 เป็นเหรียญแรกในรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ ที่ออกจำหน่ายให้บุคคลทั่วไปประดับได้ สมัยนั้นราคา 50 บาท เป็นเหรียญเงินประดับแพรแถบให้ผู้ชื่นชอบได้ชม ผู้การวีมีคติประจำใจว่า “ของเก่าเลือกเจ้าของ  เราไม่สามารถรักษาไว้ได้ตลอดไปเนื่องจากบุญวาสนา”


 

มอบภาพหลวงพ่อพัฒน์เกจิดังให้ อ.ต้อย

        

 

♦♦♦ ธงชัย ภู่บุญ สิทธิชัย โพธิ์เงิน และธวัชชัย ภู่บุญ ได้นำภาพถ่ายหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม วัดห้วยด้วน พระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังสุดๆในยุคนี้ไปมอบให้ คุณพิศาล เตชะวิภาค หรืออาจารย์ต้อย เมืองนนท์ รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ผู้มอบบอกถึงเจตนาของภาพนี้ว่า พวกเรามีความศรัทธาหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วนมานานแล้วอยากมีภาพท่านไว้เป็นที่ระลึกกันคนละภาพจึงได้จัดทำภาพหลวงพ่อพัฒน์ขนาดใหญ่ 12นิ้ว/18 นิ้วพร้อมกรอบไม้สักสวยหรูไม่เกิน 20 ภาพขอบารมีท่านในโอกาสงานผ้าป่าทอดวัดห้วยด้วน ปี 2563 พวกเราได้นำผ้าป่าไปทอดในงานนี้ หลวงพ่อพัฒน์ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้เป็นอย่างดีในงานทอดผ้าป่านั่นแหละ คณะของเรามีความเคารพนับถือป๋าต้อยท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนพวกเราตลอดมา จึงได้นำภาพหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม ไปมอบให้ป๋าต้อย เมืองนนท์เป็นที่ระลึกครับ


                                   

ต้อม นครสวรรค์จัดประกวดพระวันนี้

        

 

 

 

♦♦♦ วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563 คุณกฤษฎา ไทยสำราญ หรือ “ต้อม นครสวรรค์”เจ้าของบริษัท กฤษฎา ไทยสำราญ  คนหนุ่มวิสัยทัศน์ก้าวกระโดดกล้าสวนกระแสเศรษฐกิจแบบท้าทายในช่วงที่บ้านเมืองเจอพิษโควิด 19 ทำให้ทุกวงการเงียบเหงาซบเซาลงทุนจัดงานมหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระบูชา พระเครื่อง เหรียญพระคณาจารย์ ทั่วประเทศ ที่ ห้างพระเครื่องเพชรเกษมพลาซ่า บิ๊กซีเพชรเกษม ถนนเพชรเกษม 65/2 กรุงเทพมหานครโดยคุณต้อม นครสวรรค์ เป็นประธานจัดงานเองและมีคู่หูคนเก่งมือบริหาร คุณเปี๊ยก เอสซี สายใต้ใหม่เป็นประธานดำเนินงาน จัดประกวดพระทั่วประเทศ 3,143 รายการ 87 โต๊ะ ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศของ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย คุณพยัพ คำพันธุ์ พร้อมทองคำหนัก 2 บาท ถ้วยเกียรติยศของรองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย คุณ พิศาล เตชะวิภาค(ต้อย เมืองนนท์) พร้อมทองคำหนัก 2 บาท ถ้วยเกียรติยศของรองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยคุณสุรเดช ลิ้มพานิช (หมึก ท่าพระจันทร์รางวัลชนะเลิศแต่ละรายการได้รับหนังสือ พระสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) วัดระฆัง บางขุนพรหมและวัดเกศไชโย พระที่ผ่านงานนี้มีใบประกาศนียบัตรรับรองให้ ทั้งรางวัลที่ 1,2,3,และที่ 4 ค่าส่งพระองค์ละ 400 บาททุกรายการ รายได้เป็นทุนการศึกษานักเรียนยากจนในถิ่นทุรกันดาร รับพระเวลา 9.00 น.เป็นต้นไป ปิดรับส่งพระเข้าประกวดเวลา 14.00 น.หลังจากนั้นคณะกรรมการตัดสินและมอบรางวัล