วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 23:57 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

บ้านเมืองพระเครื่อง

อ. วันชัย : วันอาทิตย์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 09.24 น.

สังคมพระเครื่องบ้านเมือง (17 ต.ค.64)

รวบเซียนพระ ยักยอกพระเครื่องกว่า 10 ล้าน

 

 

♦♦♦ “อ.ชอบ พิษณุโลก” หรือ บุญชอบ พ่วงเฟื่อง เซียนพระชื่อดังนิสัยดีเปิดร้านอยู่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานตามล่าหาตัวเซียนพระขี้โกงเอาพระไปไม่จ่ายเงิน แล้วหนี “นายศัตรวุธ หรือ บิ๊ก โคราช” อายุ 58 ปี เปิดร้านขายเครื่องรางอยู่บนชมรมพระเครื่องมรดกไทย พันทิพย์งามวงศ์วานนั่นแหละ มาขอยืมพระเครื่องของคุณชอบเลือกเอาองค์ดังๆราคารวมแล้ว 10 ล้าน อ้างมีลูกค้าขอดูจะเช่าช่วงบูชาต่อแล้วหายไปทั้งคนทั้งพระตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2557 กว่า 7 ปีตามตัวไม่เจอ ล่าสุดตำรวจสถานีภูธรรัตนาธิเบศร์ตามตัวเจอแล้วเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงนนทบุรี 3 หมายด้วยกัน ไปจับกุม บิ๊ก โคราชได้ที่หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก จะมาฉีดวัคซีนโควิด-19

 

 

♦♦♦ “คุณชอบ พิษณุโลก” เซียนพระผู้เสียหายกล่าวว่าพระที่ยืมเอาไปเป็นพระยอดนิยมรวมมูลค่า 9.8 ล้าน  (1) พระนางพญาพิษณุโลก พิมพ์สังฆาฏิ 1 องค์ (2) รูปหล่อหลวงพ่อเงินบางคลานพิมพ์นิยม 1 องค์ (3) รูปหล่อหลวงพ่อเงินพิมพ์ขี้ตา 2 องค์  (4) พระหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า ราคา 4 ล้าน(ของคุณสุรชัย) อีก 1 องค์ (5) พระหลวงพ่อทวดหลังเตารีด และเหรียญหลวงพ่อทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ราคา 1.6 ล้าน(ของ คุณเวกัส)  หลังจาก บิ๊ก โคราช ไทเกอร์พระเครื่องไป ตนเองได้ทวงถามก็บ่ายเบี่ยงตลอดมาและปิดมือถือจึงติดต่อไม่ได้และก็ไม่มาเปิดร้านอีกเลยจึงรู้ว่าหนีไปแน่ จึงได้ไปแจ้งความไว้และออกติดตามหาหลายปี และรู้ว่าหนีไปอยู่เขมรตนก็ไปตามหาตัวถึงเขมรก็ไปมาแล้ว รู้ว่าไปแอบแฝงตัวพักอยู่ตามหมู่บ้าน

 

 

♦♦♦ หลังถูกจับได้ บิ๊ก โคราช เซียนพระยักยอกทรัพย์ยอมรับว่าเอาพระไปจริง นำไปขายแล้วคนซื้อไปไม่ยอมจ่ายเงินและเอาพระหนีไป จึงไม่อาจนำพระมาคืนได้ พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์  กล่าวว่าเป็นคดียักยอกทรัพย์ มูลค่ารวมประมาณ 10 ล้าน ตร.สืบสวนจนรู้ว่าบุคคลตามหมายจับจะไปทำธุระที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งจึงไปรอเจอแสดงหมายจับ ได้นำตัวดำมาเนินคดีตามหมายจับดังกล่าว  

 

 

♦♦♦ “กรณีย์ไทเกอร์พระแล้วหนี” เกิดขึ้นกับวงกาพระเครื่องมายาวนานต่อเนื่องจนเป็นเรื่องธรรมดาของวงการพระเครื่องไปแล้ว ส่วนใหญ่เชื่อใจไว้ใจกัน สนิทสนมกัน ยืมเงินเป็นหมื่นเป็นแสนต้องมีสัญญา แต่ขอยืมพระไปขายให้ไปเฉยเลย ทั้งที่ราคาพระบางองค์หลายแสนหรือเป็นล้านก็ให้ไทเกอร์ไปไม่มีหลักฐาน พอรู้ว่าเอาพระหนีไป ผู้เสียหายบางคนไม่สนคิดแต่ว่าเป็นคดีความเสียเวลาทำมาหากินจึงไม่ติดตามเอาความ ปัจจุบันยังหนีไปไม่กลับเข้าวงการก็มีอีกหลายราย เท่าที่จำได้หลายปีที่ผ่านมา เวกัส มรดกไทย เป็นเซียนพระที่ถูกโกงเอาพระไปไม่จ่ายเงินโดนหลายรายรวมแล้วเป็นร้อยล้านไม่มีใครตามเอาผิด มีคนเดียวในวงการก็ว่าได้ที่ติดตามฟ้องร้องเอาผิดคนโกงแล้วได้คืน คือเวกัส มรดกไทยใช้เวลา 4-5 ปี คดีความจบตรงที่ให้เจรจากันจึงได้เงินคืนมาเกือบ 10 ล้าน จึงไม่อยากให้เซียนพระหรือนักสะสมพระที่คิดทำแบบนี้เอาพระไปไม่จ่ายแล้วหลบหนี  “อ.ชอบ พิษณุโลก บอกอย่าคิดทำ หนีเวรกรรมไม่พ้นหรอกครับ” ติดตามบ้านเมืองต่อครับอาจมีคดีแบบนี้อีกไม่นานนี้


 

พระเครื่องหลวงปู่ชื่น วัดกลางคูเวียง

 

 

 

♦♦♦ “หลวงปู่ชื่น เขมจารี” หรือ พระครูโสภณสาธุการ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางคูเวียง พระเกจิยุคหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นพระเกจิอาจารย์ เป็นหมอยาแผนโบราณ หลวงปู่ชื่นเกิด 19 พฤษาภาคม 2445 ที่ ต.สัมปทวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม อายุ 21 ปีบวชเป็นพระสงฆ์ที่วัดสัมปตากใกล้วัดกลางคูเวียงเมื่อ 14 พฤษภาคม 2465 มีหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ชื่นสนใจชอบศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ และภาษามคธ และภาษาขอม แตกฉานในอรรถธรรม เรียนวิชาอาคมกับหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว  และต่อด้วย หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว  หลวงปู่เพิ่มเคยกล่าวว่า “น้ำลายหลวงพี่ชื่นนั้นมีพิษ” แสดงถึงความเก่งในเรื่องวิทยาคมของท่าน

 

 

 

♦♦♦ สมศักดิ์ มะยุรา หรือ กบ กันน้ำ และ มงคล พวงสุดรัก หรือ ชล สายบันเทิง เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลวงปู่ชื่นมีอภิญญาญาณสูง พระเครื่องรุ่นแรกหลวงปู่ชื่นสร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2479 และพระทุกรุ่นท่านจะนำไปปลุกเสกในกุฏิมีแจกญาติโยมที่มากราบไหว้ไปบ้างที่ยังเหลืออยู่บรรจุในหีบไม้ไว้และปลุกเสกตลอดมากระทั่งท่านละสังขาร วันนี้ศูนย์พระเครื่อง 2 สิงห์ ได้นำวัตถุมงคลที่หลวงปู่ชื่นสร้างไว้มาให้ชม4 องค์ ศูนย์พระเครื่อง 2 สิงห์ กำลังดำเนินการสร้างศูนย์พระเครื่องเผยแพร่วัตถุมงคลหลวงปู่ชื่นคาดว่าจะเสร็จเปิดดำเนินการได้ในปีหน้า สอบถามเรื่องพระเครื่องหลวงปู่ชื่น เขมจารี วัดกลางคูเวียง ได้ที่ โทร.095-1374146 ชล สายบันเทิง


 

พิธีเททองหล่อพระอุระพระพุทธไสยาสน์

 

 

 

♦♦♦ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2564 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระพุทธไสยาสน์ส่วนพระอุระ(อก) เป็นวาระที่ 3 ณ โรงหล่อพระ ไพศาลปติมากรรม ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เวลา 8.59 น.พระสงฆ์ 9  รูปจากวัดธรรมศาลาเจริญพระพุทธมนต์ ประธานฝ่ายสงฆ์ พระวิสุทธาธิบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ พระเกจิคณาจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิตรประกอบด้วย พระราชอุทัยโสภณ เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พระมงคลกิจโกศล รองเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท พระภาวนาวิสุทธิโสภณ (พระมหาสุรศักดิ์) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม  พระมงคลวโรปการ เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร(หลวงพ่อชำนาญ)  พระครูปฐมวราจารย์(หลวงพ่ออวยพร) เจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม  พระครูสิริสาครธรรม เจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ  พระครูวิสิฐสรภาณ (อาจารย์หย่อง) วัดบ้านแพน พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) เวลา 9.49 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานประกอบพิธีเททอง ส่วนอกชิ้นที่ 1 พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เวลา 10.39 น.ประธานประกอบพิธีเททองส่วนอกชิ้นที่ 2 พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เวลา 11.00 น.ถวายภัตตาหารเพล ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมกรวดน้ำรับพรเป็นเสร็จพิธี

 

 

 

♦♦♦ นายนพดล พลเสน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี  ผู้จัดสร้างกล่าวว่า พระพุทธไสยาสน์ ปางโปรดสัตว์ อสุรินทราหู เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดยาว 21 เมตร หรือยาวเท่ากับตึก 5 คูหา เทหล่อด้วยโลหะ 30 ตัน จะนำไปประดิษฐาน ณ วัดถ้ำเขาวง ตำบลบ้านไร่  อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี องค์นี้เป็นพุทธศิลป์งานปติมากรรมร่วมสมัยเป็นเอกลักษณ์ “หนึ่งเดียวในสยาม” ออกแบบและควบคุมงานโดยช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร น่าจะมีความงดงามที่สุดในยุคปัจจุบัน สืบทอดพระพุทธศาสนาและเพื่อฝากไว้ในแผ่นดินนี้ตลอดไป

 

 

 

 

♦♦♦ พล.ร.อ. ดร.ปรีชาญ จามเจริญ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย หนึ่งในผู้ประสานงานการจัดพิธีเททองครั้งนี้ กล่าวว่า  กำหนดเททองหล่อทั้งหมดประธานจัดสร้าง นายนพดล พลเสน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกำหนดไว้ 9  วาระ วาระที่ 1 เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2464  เททองส่วนพระหทัย(หัวใจ)พิธีเททองที่วัดถ้ำเขาวง จ.อุทัยธานี วาระที่ 2 เททองส่วนพระเศียร(ศรีษะ) เททองที่โรงหล่อพระไพศาลปติมากรรม ใกล้วัดศรีษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม  และครั้งนี้เป็น วาระที่ 3 เททองส่วนพระอุระ (อก) ที่โรงหล่อพระไพศาลปติมากรรม วันที่ 16 ตุลาคม 2564 ในส่วนอื่นๆจะได้เททองตามฤกษ์ที่เหมาะสมต่อไป คุณนพดล พลเสน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประธานจัดสร้างท่านคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปี 2565-2566