วันอาทิตย์ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 16:25 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

บ้านเมืองพระเครื่อง

เจษ เมืองนนท์ : วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567, 16.53 น.

“สายมู” หรือ “สายตรง” คอลัมน์ “สืบสานพระสมเด็จ” โดย อ.เจษ เมืองนนท์

“สายมู” หรือ “สายตรง” บ้านเมืองพระเครื่อง คอลัมน์ “สืบสานพระสมเด็จ” โดย อ.เจษ เมืองนนท์

สัปดาห์นี้มีข่าวฝากจากอาจารย์ กอล์ฟ บางขุนนนท์แจ้งมาว่าจะจัดงานประกวดพระเครื่องที่ห้องแสตมป์ทอง ไปรษณีย์ไทย หลักสี่ ในวันที่ 28 เมษายนนี้

งานนี้น่าสนใจ ด้วยเหตุผลสองประการคือ

1.คณะกรรมการชุดนี้อัดแน่นไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์ สุเทพ โพธิ์มั่น ผู้ช่ำชองพระสมเด็จอย่างลึกล้ำ อาจารย์ ศักดา จิตต์ระเบียบ ผู้เชี่ยวชาญเนื้อผงที่หาตัวจับยาก รวมทั้งอาจารย์ อาทิตย์ แก้วอุ่นเรือน อาจารย์ ทัต เมืองชล สำหรับพระกริ่งก็มีอาจารย์ต้น..ธีรศักดิ์ ฉัตรทอง ผู้รังสรรค์ตำราพระกริ่งปวเรศอันสูงค่า ส่วนหลวงปู่ทิม ก็ได้อาจารย์ แอ๊ด ชลบุรีมาตัดสิน และเนื้อดินชินผง ก็ได้อาจารย์ เกษม บุญขจร ยอดกรรมการมาเป็นผู้ตัดสิน รวมทั้งอาจารย์เก่งๆอีกหลายท่าน จึงถือว่ากรรมการชุดนี้เป็นชุดที่สมบูรณ์ที่สุด

2.อีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ อาจารย์ กอล์ฟ บางขุนนนท์ ผู้จัดงานมีจิตใจที่กว้างขวาง ให้เกียรติกับทุกๆคน ซึ่งเป็นวิสัยที่คนจัดงานควรพึงมี ส่วนจะเป็นสมาคมหรือชมรมไหนที่ใจคับแคบนั้น ลองพิจารณากันเองนะครับ

มาเข้าเรื่องสร้างสรรค์สำหรับคนใจกว้างกันครับ

ตอนนี้กระแสที่ฮอทที่สุดในโซเชี่ยลก็คือการแสดงตัวตนของเด็กสองคนที่ออกมาแสดงธรรมผ่านสื่อต่างๆ คนแรกคือ น้องไนซ์ อายุ 8 ขวบ และคนที่สองคือ น้องใบบุญ อายุ 4 ขวบ ซึ่งทั้งสองกรณีนั้น สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกับการศึกษาพระเครื่องได้เป็นอย่างดี

น้องไนซ์ เป็นเด็กที่อ้างว่าตนคือ อนาคามี หรือเทียบชั้นก่อนถึงพระนิพพาน ซึ่งเป็นสถานะที่สูงยิ่งและน้อยคนจะบรรลุถึงสถานะนี้ รวมทั้งการกล่าวอ้างว่าสามารถจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและเจ้าแม่กวนอิมได้ และเพื่อเป็นสะพานบุญให้ผู้ศรัทธาได้บรรลุธรรม จึงได้ทำการ “เชื่อมจิต” กับลูกศิษย์ลูกหาเพื่อนำเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ได้ รวมทั้งช่วยเพิ่มบุญและย่นระยะเวลาการเข้าสู่นิพพานของปุถุชนได้

ผู้เขียนไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อกระแสดังกล่าว แต่เชื่อว่าท่านที่สะสมพระทุกท่านจะวิเคราะห์ถูกควรได้เองว่าการกระทำดังกล่าวเป็น “แก่น” หรือ “กะพี้” ที่อัดแน่นด้วยปาฏิหาริย์

และการศึกษาธรรม..เราต้องปฏิบัติผ่านคนกลางโดยไม่ต้องปฏิบัติเองอย่างนั้นหรือ?

เด็กอีกคนที่ออกมาในช่วงนี้คือ น้องใบบุญ การแสดงออกของน้องก็คือ การสั่งสอนธรรมมะโดยตรง อาทิ เรื่องทางโลก มีแต่ความทุกข์ การเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา บั้นปลายของชีวิตล้วนต้องตายกันทุกคน และอื่นๆอีกมากมายซึ่งเป็นเรื่องจริงในชีวิตของมนุษย์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นการสอนธรรมะโดยตรงให้ผู้รับตื่นรู้โดยไม่ต้องอ้อมค้อมผ่านตัวกลางใดๆ

หากนำวัตรปฏิบัติของเด็กทั้งสองคนนี้มาเปรียบเทียบกันก็จะพบว่าคนหนึ่งจะสอนโดยอาศัยอิทธิปาฏิหาริย์ที่จับต้องแทบไม่ได้ แต่อีกคนจะสอนแบบทางตรงคือธรรมชาติและความเป็นจริงในชีวิตมนุษย์โดยไม่ต้องอาศัยอ้างอิงจากสิ่งใดๆทั้งสิ้น

และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับวงการพระ จะเห็นได้ชัดเจนยิ่ง

หลายท่านศึกษาพระเครื่องนั้น ไม่ชอบที่จะเรียนแบบทางตรง คือการศึกษาให้รู้ลึกรู้จริงด้วยตนเองเหมือนการปฏิบัติธรรมโดยตรง แต่อาศัยพึ่งพิงการทรงเจ้าเข้าผี การฝากความหวังไว้กับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ทั้งหยอดน้ำยา ทาขมิ้น แม่เหล็กดูดติด หรือการเชื่อในทฤษฎีต่างๆเหมือนการ “เชื่อมจิต” กับสิ่งภายนอก โดยไม่สนใจศึกษาโดยตรงจากพระแท้ให้รู้ลึกรู้จริงด้วยตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นธรรมมะหรือพระเครื่อง ไม่มีทางลัดและไม่มีเครื่องมือใดที่จะได้ผลที่ดีที่สุดเท่ากับการศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ครับ