วันอาทิตย์ ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568 15:18 น.

อื่นๆ » คอลัมน์

บ้านเมืองพระเครื่อง

เจษ เมืองนนท์ : วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 17.54 น.

“ประวัติศาสตร์ที่บิดเบือน” สืบสานพระสมเด็จ “บ้านเมืองพระเครื่อง” โดย..อาจารย์ เจษ เมืองนนท์

“ประวัติศาสตร์ที่บิดเบือน” สืบสานพระสมเด็จ “บ้านเมืองพระเครื่อง” โดย..อาจารย์ เจษ เมืองนนท์

ประวัติศาสตร์..คือการบันทึกเรื่องราวในอดีตบนเหตุการณ์ต่างๆว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า การบันทึกประวัติศาสตร์นั้นๆ ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนเชื่อถือได้ในทุกแง่มุม จึงจะนับเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเที่ยงตรง

แต่แปลกอย่างยิ่งที่ประวัติของสมเด็จโตกลับคลาดเคลื่อนในหลายๆเรื่อง แม้กระทั่งประวัติส่วนตัวของท่าน โยมพ่อโยมแม่ชื่ออะไร ก็ยังมีข้อขัดแย้งหาบทสรุปไม่ได้จนถึงวันนี้

ในการเล่นหาพระสมเด็จยุคปัจจุบันก็มีแนวโน้มไปในทาง"เรื่องเล่า"มากขึ้นทุกที จนในบางครั้งขาดซึ่งหลักฐานและเหตุผลรองรับ ทำให้เกิดทฤษฎีต่างๆมากมาย รวมทั้งเรื่องเล่าที่มาที่ไปของพระสมเด็จจากที่ต่างๆ ก็มักจะใช้"เรื่องเล่า"ในการเล่าเรื่องโดยขาดหลักฐานและเหตุผลรองรับ

เราลองใช้"เหตุผล"ในการพิจารณาเรื่องเล่าของพระกรุต่างๆกันดูครับ

ในปัจจุบัน มีพระสายวังฝังเพชรฝังพลอยวางขายกันเกลื่อนสนามพระ โดยมีการอ้างว่าเป็นพระที่สร้างในวาระพิเศษเพื่อถวายเบื้องสูง

คำถามที่ต้องแสวงหาเหตุผลก็คือ

หากเป็นพระที่สร้างในวาระพิเศษถวายเบื้องสูง ย่อมต้องใช้เพชรพลอยแท้มาประดับ แต่พระที่มีวางขายเกลื่อนนั้น เป็นเพชรพลอยแท้หรือไม่?

ถ้าแท้..ต้องใช้เพชรพลอยมากขนาดไหน ?

ถ้าไม่แท้..จะเอาเพชรพลอยเก๊ไปประดับเพื่อถวายเบื้องสูงได้อย่างไร ?

คำถามถัดมาคือ การอ้างว่าเป็นพระที่มาจากสายวัง ซึ่งแต่ละวังนั้น ล้วนเป็นสถานที่ราชการ มีเวรยามเฝ้าเข้มงวดรัดกุม แม้แต่การเข้าชมแต่ละครั้ง ยังต้องมีการลงทะเบียน..

แล้วจะมีใครที่สามารถเข้าไปหิ้วพระออกมาได้ง่ายๆและจำนวนมากขนาดนั้น?

ลองใช้เหตุผลในการพิจารณากันครับ

คำถามเหล่านี้ ไม่ควรจะเกิดกับวังเพียงแห่งเดียว แต่ควรจะเกิดคำถามต่อสถานที่ราชการทุกแห่งที่มีการอ้างว่าพบกรุพระ รวมทั้งพระหีบต่างๆว่าได้มาจากไหน ได้มาอย่างไร เพราะสถานที่ราชการและทรัพย์ส่วนตัวเหล่านี้ มีการตรวจตราอย่างเข้มงวดทั้งการเข้าและออก ดังนั้น การจะเข้าไปแล้วหยิบฉวยพระออกมา จึงเป็นไปได้ยากมาก

....เรื่องราวทั้งหมด จึงไม่สามารถฟันธงว่าเป็น "ประวัติศาสตร์" ได้ เพราะเป็นแค่ "เรื่องเล่าอันบิดเบือน" เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น

ประวัติศาสตร์คือเรื่องราวที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนในทุกแง่มุม และสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล

เราอยู่กับ"เรื่องเล่าที่บิดเบือน"อย่างไร้เหตุผลเหล่านี้มานานแล้ว ถึงเวลาหรือยังที่เราจะใช้เหตุผลเพื่อคัดกรองเรื่องบิดเบือนเหล่านี้ออกไปจากวงการ?