วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 16:23 น.

กทม-สาธารณสุข

"อภัยภูเบศร” ชูธง 'Smart Thai Traditional Medicine' เดินหน้าสู่มาตรฐานโลก ปลื้มแพทย์แผนไทยก้าวสู่ มาตรฐานเฉพาะโรค เฉพาะระบบ

วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 16.16 น.

"อภัยภูเบศร” ชูธง 'Smart Thai Traditional Medicine' เดินหน้าสู่มาตรฐานโลก ปลื้มแพทย์แผนไทยก้าวสู่ มาตรฐานเฉพาะโรค เฉพาะระบบ ของสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ได้สำเร็จแห่งแรกของไทย ขณะที่แพทย์เฉพาะทางชี้แพทย์แผนไทยเป็นทางร่วมไม่ใช่ทางเลือก  

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดการประชุมวิชาการการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ครั้งที่ 2 ควบคู่กับมหกรรมคุณภาพโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ภายใต้เป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนบูรณาการการแพทย์แผนไทยเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ เขตสุขภาพที่ 6

พญ.ชนิดา สยุมภูริจินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ประธานเปิดการประชุม โดยกล่าวว่า แพทย์แผนไทยไม่ได้หมายถึงเพียงการนวดหรือสมุนไพรเท่านั้น หากแต่ประกอบด้วยหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริการการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก ตำรับยา อาหารท้องถิ่นที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ไปจนถึงแนวทางการรักษาเฉพาะโรค ทั้งนี้ อภัยภูเบศรก้าวสู่การรับรองมาตรฐานเฉพาะโรค เฉพาะระบบ หรือ  PDSC (Program and Disease Specific Certification) ของ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) เป็นโรงพยาบาลแรก แต่ปัจจุบันแทบทุกโรงพยาบาลตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไป ล้วนมีหน่วยงานด้านแพทย์แผนไทยอยู่แล้ว นอกจากนี้ในโลกยุคปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เงินทองอาจไม่สำคัญเท่าความมั่นคงทางยา ทางอาหาร การปลูกผักไว้กินใช้เองอาจเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด และการวางมาตรฐานขั้นต่ำที่เหมาะสมของแพทย์แผนไทย คือประตูบานแรกสู่ความมั่นคงด้านสุขภาพของชาติ

นพ.ชาติชาย คล้ายสุบรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครนายก และอดีตรองผู้อำนวยการรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า การเข้าสู่มาตรฐาน PDSC จำเป็นต้องตั้งคำถามพื้นฐานว่า เป้าหมายคืออะไร ใครควรอยู่ในทีม และมีบทบาทหน้าที่อย่างไร? กลไกการประสานงานต้องชัดเจน พร้อมนำโดยภาวะผู้นำที่แข็งแกร่ง วัฒนธรรมองค์กรที่พร้อม และองค์ประกอบของทีมที่ครบครันเปรียบเสมือน "ทีมอเวนเจอร์" เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการรับรองกระบวนการคุณภาพสถานพยาบาลขั้นก้าวหน้า Advanced Hospital Accreditation (AHA) ภายในปี 2570

นพ.ชาติชาย กล่าวว่า อนาคตของอภัยภูเบศรคือการพัฒนา "Personalized Healthcare" โดยใช้ AI และการดูแลที่บ้าน (Home-based Care) เข้ามาผนวกกับภูมิปัญญาไทย พร้อมเสนอให้สร้างการรับรู้ในระดับโลกผ่านแนวคิด Smart Thai Traditional Medicine โดยต้องเสริมจุดแข็ง ไม่แข่งขันกับแพทย์แผนปัจจุบันโดยตรง และเปลี่ยนคุณภาพให้เป็นมูลค่า เช่น ความพึงพอใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

นพ.วิชาญ เกิดวิชัย อดีตผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระอภัยภูเบศร เสนอแนวคิดเรื่องการสร้างมาตรฐานที่ยอมรับได้จากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ผู้จ่ายเงิน และสังคม โดยต้องยึดหัวใจของงานสุขภาพคือ "จิตวิญญาณในการช่วยเหลือผู้อื่น"

พญ.โศรยา ธรรมรักษ์ อดีตผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร  ให้มุมมองในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานจากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ว่า การรับรองเฉพาะโรค เฉพาะระบบ ต้องมีความคล่องตัว และเน้นหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อความน่าเชื่อถือ ซึ่งในปัจจุบันทางโรงพยาบาลได้จัดตั้งศูนย์วิจัยทางคลินิก Abhaibhubejhr Clinical Research Center (ACRC) เพื่อรองรับแนวทางดังกล่าวแล้ว

ด้าน ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการถอดบทเรียนในการรับรอง PDSC ว่า ทุกกระบวนการต้องดำเนินไปตามคอนเซ็ปต์ของ “คุณภาพ” ซึ่งประเด็นสำคัญของคุณภาพ คือ การประเมินและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริการทางการแพทย์แผนไทยที่จำเป็นต้องพัฒนางานวิจัยเพื่อสร้างการยอมรับในการใช้ เช่น หัตถการ “บ่งใยต้อด้วยหนามหวาย” ก็ต้องใช้หลักฐานและตัวชี้วัดที่ชัดเจน และการมีทีมบริหารที่เข้าใจช่วยสนับสนุน คือปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ

นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช ยกตัวอย่างการดูแลมารดาหลังคลอดว่า “การอยู่ไฟ การนวดเปิดท่อน้ำนมที่ตัน” เป็นหนึ่งในภารกิจของแพทย์แผนไทยที่นำมาใช้จริงในระบบปัจจุบันอย่างไร้รอยต่อ ไม่ใช่เพียง “ทางเลือก” แต่คือ “ทางร่วม” ที่เสริมพลังกัน พร้อมเน้นว่า วิธีการรักษาต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและหลักฐานวิทยาศาสตร์ โดยใช้แพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลัก และแพทย์แผนไทยเป็นส่วนเสริมตามความเหมาะสมของแต่ละโรค

นพ.ศักดิ์สิทธิ์ จิตรกฤษฎากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก เปิดเผยว่า การดูแลผู้ป่วยปวดเข่าเริ่มต้นจากแนวทางลดน้ำหนัก ซึ่งหากน้ำหนักลดเพียง 5 กิโลกรัม อาการปวดอาจลดลงถึง 50% จากนั้นจึงเสริมด้วยการพอกเข่าด้วยสมุนไพรหรือน้ำมันกระดูกไก่ดำ ซึ่งได้รับการยอมรับทางวิชาการ พร้อมย้ำว่าสิ่งที่อภัยภูเบศรกำลังทำไม่เพียงจำเป็นต่อผู้ป่วย แต่ยังมีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้เกษตรกร และเชื่อมโยงองค์ความรู้กลับไปสู่ชุมชน  โดยเฉพาะยาแก้ปวด หากเราหันมาใช้สมุนไพรก่อน จะประหยัดเงินได้ถึงปีละ 400 ล้านบาท”

พญ.วรรณพร เอี่ยมวรวุฒิกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท ยืนยันว่า รพ.อภัยภูเบศรเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ใช้แพทย์แผนไทยร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบันในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและพาร์กินสัน โดยมีการนวดกระตุ้นกล้ามเนื้อ และการใช้สมุนไพร เช่น สารสกัดจากเมล็ดหมามุ่ย และกลีบบัวแดง ในการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยและได้ผลในเบื้องต้นที่น่าพอใจ

พญ.ณัฐติยา ชูศรี กุมารแพทย์ กล่าวถึงการดูแลเด็กสมองพิการว่า การนวดตามศาสตร์แพทย์แผนไทยมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นพัฒนาการ โดยเฉพาะในเด็กที่มีอาการกล้ามเนื้อเกร็ง ซึ่งแพทย์แผนไทยช่วยเติมเต็มให้การดูแลเด็กเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ทั้งนี้มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่าช่วยเพิ่มการหลั่งฮอร์โมน oxytocin เป็นสารสื่อประสาทของความรัก ความผูกพัน น่าจะมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก

นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินารีเวช กล่าวว่า สูตินารีเวช ได้อาศัยแพทย์แผนไทย ในการดูแลสุขภาพแม่หลังคลอดด้วยแพทย์แผนไทย มีการอยู่ไฟหลังคลอด มีการนวดสำหรับคุณแม่มีปัญหาท่อน้ำนมตัน  เราเป็นการแพทย์ทางร่วม ไม่ใช่ทางเลือกเท่านั้น เราทำงานแบบไร้รอยต่อ ที่อื่นอาจจะยังไม่มีแพทย์แผนไทย บุคลากรเรามีความเชี่ยวชาญและมีมาตรฐานรับรอง วิธีการเลือก การแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์ผสมผสาน แผนปัจจุบันมีงานวิจัยรับรองเต็มที่ ทางเลือกไม่มี และการใช้การแพทย์ทางหลักบวกกับแพทย์ทางเลือกแต่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ทั้งนี้ ต้องดูว่าเป็นโรคอะไร และเลือกใช้ด้วยความเข้าใจ ซึ่งโดยปกติจะใช้ทางหลักก่อน แต่ทั้งนี้ก็อยู่ในวิจารณญาณจากสมมุติฐานที่ว่า เป็นแล้วตาย จะหายไหม ให้แล้วแย่ ต้องเลือกใช้ด้วยความเข้าใจ 

นพ.ศักดิ์สิทธิ์ จิตรกฤษฎากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก กล่าวว่า ผู้ป่วยที่ปวดเข่าเบื้องต้นเราแนะนำให้ลดน้ำหนักก่อน น้ำหนักตัวลด 5 กิโลกรัม ความปวดลดลง 50% หากมีอาการปวด เราใช้สมุนไพรพอกเข่าลดปวด หรือใช้น้ำมันกกระดูกไก่ดำบรรเทา ซึ่งได้รับการยอมรับว่าใช้ได้ผล  อภัยภูเบศรมีความทันสมัย เรามีผุ้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย สิ่งที่เรากำลังทำตอนนี้เป็นสิ่งจำเป็นในประเทศไทย เพราะสมุนไพรจะกลายเป็นแหล่งรายได้เพิ่มขึ้นของเกษตรกรได้ และหากนำเป็นไกด์ไลน์กับหมอปัจจุบัน และกลับสู่ชาวบ้าน
พญ.วรรณพร เอี่ยมวรวุฒิกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและประสาท กล่าวว่า เมื่อคนไข้มีอการเส้นเลือดในสมองตีบ แตก ของเราใช้แพทย์แผนปัจจุบันร่วมกับแพทย์แผนไทย และกายภาพบำบัด น่าจะเป็นที่แรก เราเติบโตมากับสูตรสมุนไพรจีน  นวดคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นกล้ามเนื้ออ่อนแรง  และโรคพากินสัน เราก็ใช้สารสกัดจากเมล็ดหมามุ่ย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย ในอาสาสมัครเบื้องต้นได้ผลดี เช่นเดียวกันมีการใช้กลีบบัวแดงดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมด้วย 

ขณะที่กุมารแพทย์ พญ.ณัฐติยา ชูศรี ในเคสที่ต้องดูแลเด็กสมองพิการ กลุ่มในกลุ่มที่มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เราจะใช้การนวดทางการแทพย์แผนไทย นวดกระตุ้นพัฒนาการเด็กสมองพิการ

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข

Top 5 ข่าวกทม-สาธารณสุข

ข่าวในหมวดกทม-สาธารณสุข