“สมศักดิ์” เดินหน้างาน สธ. ลงพื้นที่”ลพบุรี-อยุธยา” คัดกรองโรค” วัณโรค-ไวรัสตับอักเสบบีและซี” ชี้ หากพบเร็ว จะรักษาได้ทัน ปลื้ม คนไทยนับคาร์บได้แล้ว 33 ล้านคน มีผู้ป่วยหายแล้ว 17,000 คน หยุดยาได้ 8,500 คน ช่วยลดค่าใช้จ่าย 450 ล้านบาทต่อปี ยัน โรงพยาบาลชายแดนมีความพร้อมเต็มที่  

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดงาน “One Day Service : คัดกรองเร็ว รู้ผลไว ป้องกันโรคได้ เขตสุขภาพที่ 4” โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสิทธิชัย หล่อประสงค์สุข สส.ลพบุรี นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1,200 คน เข้าร่วม ที่ลานเอนกประสงค์ (โดมใหญ่) โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่รักษาหายได้ หากตรวจพบเร็วและรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยให้หายขาด และไม่แพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น สำหรับไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตับอักเสบเรื้อรัง การตรวจคัดกรองและรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของคนไทยได้ ตนจึงมีความยินดีที่ได้มาเปิดงาน One Day Service : คัดกรองเร็ว รู้ผลไว ป้องกันโรคได้ เขตสุขภาพที่ 4 ในวันนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สนับสนุนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพทุกมิติ เพื่อที่จะทำให้คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพอย่างถ้วนหน้า 

“ผมเชื่อว่า การจัดกิจกรรมคัดกรองโรคและส่งเสริมสุขภาพในครั้งนี้ จะทำให้พี่น้องประชาชนตระหนัก และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ช่วยให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาวัณโรค ไวรัสตับอักเสบบีและซี รวมถึงโรค NCDs เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และผมขอแสดงความยินดีกับหน่วยงาน ที่ได้รับโล่รางวัลการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ปัญหาวัณโรค ไวรัสตับอักเสบบีและซี ขอให้พวกเราช่วยกัน ขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ทำให้พี่น้องประชาชนมีอายุยืน อย่างมีสุขภาพดีต่อไป”รมว.สาธารณสุข กล่าว

จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเปิดงานการดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและคัดกรองความเสี่ยงโรคไต จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายวัชระ กระแสฉัตร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา น.ส.ณัฐณิชา บุรณศิริ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอสม. ร่วมต้อนรับ 

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือด เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ หากไม่มีการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที โรค NCDs อาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เช่น โรคไตเรื้อรัง เป็นต้น กระทรวงสาธารณสุข จึงกำหนดนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs ส่งเสริมการนำแนวคิดเวชศาสตร์วิถีชีวิตมาสู่การปฏิบัติ ซึ่งตนมีความยินดีที่ได้ทราบว่า ปัจจุบันมีประชาชนกว่า 33 ล้านคน ได้รับการถ่ายทอดความรู้ ในการดูแลสุขภาพ การนับคาร์บ หรือ คาร์โบไฮเดรตจากแป้งและน้ำตาล 

“ผมเชื่อมั่นว่า ภายในเดือนกันยายนนี้ พี่น้องประชาชนจะได้รับการถ่ายทอดความรู้ ไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน ตามเป้าหมาย และจากผลการดำเนินงานของคลินิก NCDs รักษาหาย ที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป 134 แห่ง ทั่วประเทศ พบว่า จากผู้ป่วยที่เข้ารับการอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ประมาณ 120,000 คน มีผู้ป่วยที่หายแล้ว ประมาณ 17,000 คน หยุดยาได้ กว่า 8,500 คน สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ ประมาณ 450 ล้านบาทต่อปี โดยผมขอชื่นชมพี่น้อง อสม. ทุกท่าน ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs ในระดับพื้นที่” รมว.สาธารณสุข กล่าว 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ทำความเข้าใจ NCDs มาระยะเวลาพอสมควรแล้ว โดยสอนให้ประชาชน ได้เข้าใจเรื่องการนับคาร์บ ซึ่งมีกว่า 33 ล้านคน ที่เข้าใจแล้ว ส่วน อสม.ก็สามารถทำได้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่า ไม่มีผู้มีน้ำหนักเกินมาตรฐานเลย โดยหากมีน้ำหนักเกิน ก็เป็นสัญญาณที่จะเริ่มป่วยแล้ว ซึ่งก็ต้องหันมานับคาร์บ เพื่อควบคุมการบริโภคคาร์โบไฮเดรต จะได้ช่วยป้องกันการเจ็บป่วย

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ ตนได้ลงพื้นที่ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆของกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้เพิ่มการเข้าถึงการตรวจไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ตามแนวทาง 30 บาทรักษาทุกที่ รวมถึงตนได้แจ้งข่าวดีพี่น้อง อสม.ว่า เมื่อสภาฯเปิด วันที่ 3 ก.ค.68 ก็จะเริ่มพิจารณากฎหมาย พ.ร.บ.อสม. เพราะอยู่ในลำดับต้นๆ จะได้รับการพิจารณาโดยเร็ว 

เมื่อถามว่า กระทรวงสาธารณสุข มีการเตรียมพร้อมโรงพยาบาลตามแนวชายแดนอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข พร้อมมาก โดยตั้งแต่นายกรัฐมนตรี เดินทางไปชายแดน เราก็ได้มีการเตรียมความพร้อมตามข้อสั่งการอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งหากมีปัญหาเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ก็พร้อมอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงกรณีการนัดชุมนุมวันที่ 28 มิ.ย.68 ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาล จะกระทบหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าปิดหน้าโรงพยาบาล ก็จะมีผลกระทบ แต่ตนเชื่อว่า ผู้ชุมนุมจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องควรหรือไม่ที่จะกีดขวางหน้าโรงพยาบาล