วันพฤหัสบดี ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 09.21 น.
นศ.ราชมงคลพระนคร เชื่อมแนวคิดแฟชั่น-ภูมิปัญญาท้องถิ่น-วัสดุรีไซเคิลสู่รันเวย์
อุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว จากเทรนด์ฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) ซึ่งการผลิตสินค้าแฟชั่นโดยนำเอาวัตถุดิบจากธรรมชาติ ทั้งเส้นใยธรรมชาติ หรือเส้นใยสังเคราะห์ที่ทำจาก โพลิเมอร์ ซึ่งจัดว่าเป็นพลาสติกรูปแบบหนึ่ง มาผ่านกระบวนการผลิตที่มีการทิ้งของเสียทั้งในรูปแบบของวัตถุดิบ น้ำเสีย อากาศเสีย สู่ธรรมชาติมหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) ในฐานะผู้ผลิตบัณฑิตด้านสิ่งทอและแฟชั่น มุ่งปลูกฝังการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป โดยล่าสุดนางสาวอังคนา ปัญญาดี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น ร่วมนำผลงานการออกแบบชุดแฟชั่น ภายใต้แนวคิด Circular Economy เพื่อถ่ายทอดแฟชั่นแห่งอนาคตผ่านมุมมองของความยั่งยืน โดยการนำขยะแฟชั่นและวัสดุรีไซเคิล มาต่อยอดเป็นผลงานแฟชั่นร่วมสมัยที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและงานหัตถกรรมไทยอย่างสร้างสรรค์ ในงาน Bangkok International Fashion Week 2025 (BIFW 2025)
นางสาวอังคนา ปัญญาดี เล่าว่า ผลงานครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในเกมออนไลน์ ผสมผสานกับแนวคิดเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ด้วยการนำวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมแฟชั่นกลับมาสร้างสรรค์ใหม่ให้เกิดมิติทางศิลปะ และสร้างสรรค์เทคนิคสิ่งทอด้วยการสร้างพื้นผิว (Texture) ใหม่ให้กับชุด พร้อมเพิ่มลูกเล่นด้วยการเพ้นท์สีด้วยมือ เพื่อให้เสื้อผ้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสะท้อนแนวคิดแฟชั่นเชิงนิเวศที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังนำเสื้อผ้ามือสองและผ้า Dead Stock กลับมาใช้ใหม่ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ความท้าทายของการสร้างสรรค์คอลเลกชันนี้อยู่ในส่วนการปรับโครงสร้างของผ้าเก่าให้กลายเป็นผลงานใหม่ที่มีความร่วมสมัย เอกลักษณ์ และสอดคล้องกับแนวโน้มแฟชั่นโลก (Fashion Trend) แต่ยังคงแนวคิดของ Circular Design ที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเคารพต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นต้องอาศัยทักษะด้านการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคนิคหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การดัดแปลงโครงสร้างเสื้อผ้ามือสอง (Upcycling) เพื่อให้เกิดรูปลักษณ์ใหม่ที่ร่วมสมัย และการใช้เทคนิค Fabric Slashing ซึ่งเป็นการสร้างพื้นผิว (Textile Surface) ให้กับผ้า โดยการซ้อนเลเยอร์ของวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมแฟชั่น แล้วทำการเย็บติดเป็นแนวเส้นหรือรูปร่างต่าง ๆ ก่อนจะตัดตามแนวรอยเย็บ เพื่อให้เกิดมิติและลวดลายใหม่บนผืนผ้าอย่างมีศิลปะ นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคเพ้นท์สีและลงลายมือ (Hand Painting) เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับชิ้นงาน ที่สำคัญคือการประยุกต์ใช้ทักษะการออกแบบเชิงวิเคราะห์ ทั้งด้านโทนสีที่ผสมผสาน (Color Coordination) และองค์ประกอบศิลป์ (Composition) เพื่อให้ผลงานมีความกลมกลืน สอดคล้องกับแรงบันดาลใจ และมีจุดเด่นที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดของแฟชั่นเพื่อความยั่งยืนได้อย่างสร้างสรรค์
“เสื้อผ้าที่มีอายุการใช้งานสั้น เสื่อมสภาพเร็ว หรือกลายเป็นขยะแฟชั่น ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อย่างรวดเร็ว ในฐานะดีไซเนอร์ผู้ออกแบบชุดแฟชั่นครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างพลังแห่งความยั่งยืน โดยที่ความยั่งยืนของแฟชั่นเริ่มต้นจากตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างสรรค์หรือผู้บริโภค ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแฟชั่นไทยสู่ความยั่งยืนได้ ผ่านการเลือกใช้วัสดุอย่างรับผิดชอบ การออกแบบอย่างมีคุณค่า และการมองเห็นความงามในสิ่งที่มีอยู่แล้ว การสร้างสรรค์แฟชั่นในยุคใหม่จึงไม่ใช่เพียงการผลิตเสื้อผ้า แต่คือการออกแบบ แนวคิด วิถีชีวิต และจิตสำนึก ที่เชื่อมโยงระหว่างความงามกับความรับผิดชอบต่อสังคม” อังคนา ปัญญาดี กล่าวทิ้งท้าย
ส่งข่าวได้ที่ email : saowaporn12345@gmail.com และ bat_mamsao@yahoo.com