การศึกษา
สอวช. ร่วมกับ ศูนย์บริการวิชาการจุฬาฯ จัดเวทีระดมความเห็นร่างทิศทาง กลยุทธ์ อววน. เดินหน้ามุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
สอวช. ร่วมกับ ศูนย์บริการวิชาการจุฬาฯ จัดเวทีระดมความเห็นร่างทิศทาง กลยุทธ์ อววน. เดินหน้ามุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ “ดร.สุรชัย” ชี้ มหาวิทยาลัยคือกลไกสำคัญ ลดเหลื่อมล้ำ ยกดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ฝ่ายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ข้อเสนอทิศทางเชิงกลยุทธ์ด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ ณ ห้องจามจุรี บอลรูม (บี) โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ นักวิชาการ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 6 ปี นับจากการปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ สอวช. ในฐานะหน่วยงานด้านนโยบาย ได้ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง และพบว่าการจัดตั้งหน่วยบริหารจัดการทุนและการออกแบบระบบวิจัยใหม่ ทำให้ประเทศไทยให้ความสำคัญกับงานวิจัยทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“ในช่วงที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักของประเทศเผชิญปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรือการส่งออก สิ่งที่สังคมคาดหวังคือการพัฒนาที่มุ่งเน้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญว่าประเทศต้องใช้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมที่เหมาะสมกับพื้นที่ไปใช้จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นนวัตกรรมขั้นสูงเสมอไป แต่ต้องมีการออกแบบกลไกให้เหมาะกับพื้นที่คือหัวใจสำคัญของการใช้ ววน. เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง” ดร.สุรชัย กล่าว
ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า ในระดับจังหวัดนั้น มีเพียงไม่กี่หน่วยงานที่มีความต่อเนื่องสูงและไม่เปลี่ยนคนบ่อย หนึ่งในนั้น คือ มหาวิทยาลัยและเครือข่ายนักวิชาการที่ฝังตัวอยู่ในพื้นที่มายาวนาน หากมหาวิทยาลัยจับประเด็นปัญหาและโจทย์พื้นที่อย่างจริงจัง จะทำให้เกิดความต่อเนื่องของการพัฒนาพื้นที่ได้มากกว่าหน่วยงานอื่นหลายเท่า
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ (Science Park) ซึ่งกระจายอยู่ในหลายภูมิภาค ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถนำนวัตกรรมไปช่วยผู้ประกอบการท้องถิ่นได้จริง แม้จะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อาทิ ผู้ประกอบการบางรายเท่านั้นที่เข้าถึงบริการได้ จึงเป็นโจทย์สำคัญว่า จะทำอย่างไรที่ไม่ต้องรอให้ผู้ประกอบการเดินเข้ามาหา แต่ต้องมีระบบที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง พร้อมคำนึงถึงทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและการลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สอวช. ได้ดำเนินงานเชิงพื้นที่หลายจังหวัด โดยมุ่งเน้นการขยับสถานะทางสังคม (Social Mobility) เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสพัฒนาตนเอง เพิ่มรายได้ และเห็นเส้นทางการเติบโตที่เป็นไปได้จริง ซึ่งถือเป็นกำลังใจสำคัญในการลดความยากจนเชิงโครงสร้างของประเทศ
ดร.สุรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการหารือว่า อววน. จะเข้าไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเชิงพื้นที่ได้อย่างไร โดยย้ำว่า มหาวิทยาลัยไม่ได้มีหน้าที่เพียงผลิตบัณฑิตเท่านั้น แต่ต้องเป็นกลไกกลางของการสร้างคุณค่าร่วมของพื้นที่ เป็นสะพานเชื่อมองค์ความรู้กับโจทย์จริงของพื้นที่ ต้องทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลการเรียนรู้ (Knowledge Hub) และเป็นแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุป สอวช. จะผลักดันแนวคิดและโมเดลด้านการพัฒนาเชิงพื้นที่ เข้าสู่สภานโยบายฯ เพื่อใช้ อววน. อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์พื้นที่ และนำไปสู่การกำหนดนโยบายระดับประเทศต่อไป
สำหรับเนื้อหาทางวิชาการในการประชุมครั้งนี้ สอวช. ร่วมกับ คณะผู้วิจัย ได้แก่ นายอนรรฆ พิทักษ์ธานิน หัวหน้าโครงการจากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.นาอีม แลนิ จาก คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายพสพล เจริญพร จากภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเสนอข้อมูลเชิงหลักฐานเกี่ยวกับสถานการณ์และความท้าทายของประเทศไทย ซึ่งสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ที่สูงมาก ขณะเดียวกันยังพบช่องว่างเชิงนโยบาย โครงสร้าง และระบบแรงจูงใจที่ไม่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ รวมถึงข้อจำกัดด้านกำลังคน งบวิจัยระดับจังหวัด และโครงสร้างพื้นฐานทางความรู้ที่ส่วนใหญ่ยังตั้งอยู่ส่วนกลางมากกว่าภูมิภาค
คณะผู้วิจัย ได้นำเสนอแนวคิด การพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area-Based Development: ABD) ที่เน้นให้พื้นที่เป็นตัวตั้ง เชื่อมปัญหาและโอกาสเฉพาะพื้นที่เข้ากับหลายมิติของการพัฒนา ใช้หลักฐานเชิงพื้นที่ออกแบบนโยบาย และทำงานแบบบูรณาการข้ามภาคส่วน นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกรอบและกลไกเชิงระบบเพื่อออกแบบบทบาทของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ โดยบูรณาการเครื่องมือเชิงนโยบาย บทบาทเชิงสถาบัน ระบบนิเวศสนับสนุน และกลยุทธ์เชิงพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคผ่านนวัตกรรม องค์ความรู้ และการพัฒนาทุนมนุษย์
โดยมีเป้าหมายมุ่ง RE-SHAPE บทบาทของมหาวิทยาลัย 8 ประการ ได้แก่ (1) การสร้างองค์ความรู้ (2) การพัฒนาทุนมนุษย์ (3) การถ่ายทอดความรู้ (4) การพัฒนาเทคโนโลยี (5) การเป็นศูนย์กลางการลงทุนและบริการ (6) การสร้างขีดความสามารถในท้องถิ่น (7) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านความรู้ และ (8) การส่งเสริมคุณค่าและวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงข้อเสนอเชิงกลยุทธ์เดินหน้าปรับบทบาทมหาวิทยาลัยสู่การเป็นกลไกพัฒนาพื้นที่เต็มรูปแบบ โดยใช้กลไกสถาบันอุดมศึกษาเป็นทั้งผู้ประสานงานภาคพื้นที่ คลังสมองท้องถิ่น และศูนย์กลางถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคมในระดับจังหวัด
โมเดลใหม่นี้ได้วางข้อเสนอให้เชิงกลยุทธ์ 5 ด้านสำคัญ เพื่อตอบโจทย์ห่วงโซ่เศรษฐกิจในพื้นที่และเชื่อมโยงระดับโลก โดยเน้นการทำงานร่วมกับหน่วยงานจังหวัด ส่วนราชการส่วนภูมิภาค และหน่วยงานส่วนกลางที่มีภารกิจในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ระดับจังหวัดเองต้องมีระบบประเมินที่สอดคล้องกับโจทย์พัฒนาพื้นที่ และสร้างคุณค่าบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะแกนนำพัฒนา แกนกลางของโมเดลนี้คือการสร้างเครือข่าย “ABD Scholars for Change” ซึ่งเป็นกำลังคนหลักของสถาบันอุดมศึกษาในการลงพื้นที่ ทำงานกับภาคี และนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์จริง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่จับต้องได้ในระดับจังหวัดและพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงการปฏิรูประบบกำลังคนของ อววน. การปรับ KPI ให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ การออกแบบกลไกจังหวัด–กลุ่มจังหวัดเพื่อร่วมทุนและร่วมพัฒนา และการสร้างระบบสนับสนุนที่เชื่อมมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานท้องถิ่นแบบไร้รอยต่อ
จากนั้น การประชุมได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบายและทิศทางเชิงกลยุทธ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่อย่างกว้างขวาง ซึ่งสะท้อนมุมมองร่วมกันว่า แม้ข้อเสนอที่นำเสนอจะมีโครงสร้าง ความคิด และองค์ประกอบเชิงนโยบายที่ชัดเจน แต่เมื่อมองในเชิงปฏิบัติจริงยังเป็นเรื่องที่ตอบยากว่า หากดำเนินการตามแผนทั้งหมดแล้ว จะสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์จริงในพื้นที่ได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากยังไม่ได้มีการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นต่าง ๆ ว่าอะไรควรเริ่มก่อน อะไรควรเป็นขั้นต่อไป และอะไรคือจุดเร่งด่วนของพื้นที่
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเสนอแนะว่า สิ่งที่ สอวช. และ คณะผู้วิจัย ควรเร่งทำ คือ การค้นหาต้นแบบความสำเร็จ (Success Model/Prototype) ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าแนวคิดเชิงนโยบายสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยเฟ้นหาคนทำงานที่พร้อมจะเดินและวิ่งไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น คนรุ่นใหม่ ผู้นำท้องถิ่น ชุมชน มหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานที่มีแรงจูงใจสูง ต้องร่วมกันผลักดันให้เป็นตัวแบบทดลองในระยะสั้น รวมถึงการใช้ศักยภาพบุคลากรและสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ ซึ่งมีความพร้อมอยู่แล้ว มาช่วยในการพัฒนาเชิงระบบ
รศ.ดร.อภิศักดิ์ ธีระวิสิษฐ์ รองผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการนำศักยภาพจากระบบ อววน. ลงไปช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในประเด็นเศรษฐกิจฐานรากและการสร้างความเข้มแข็งให้กับพื้นที่ที่มีศักยภาพ
รองผู้อำนวยการ สอวช. ระบุทิ้งท้ายว่า สอวช. พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกลไก อววน. สามารถเดินหน้าได้จริง ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และนำไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนตามเป้าหมายที่วางไว้
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การศึกษา
Top 5 ข่าวการศึกษา ![]()
- "พระเมธีวัชรบัณฑิต" มอบ 1 แสนบาทเบื้องต้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชาที่พักศูนย์พักพิงปรางค์กู่ศรีสะเกษ 8 ธ.ค. 2568
- มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ผนึกชุมชนพุนพิน วางโมเดลพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม “เขาศรีวิชัย” 8 ธ.ค. 2568
- พิธีปิด ยิ่งใหญ่ สุดอลังการ ประกวดวงโยธวาทิตนานาชาติชิง แชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 17 โรงเรียนพิมายวิทยา นครราชสีมา คว้ารางวัลชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปครอง 8 ธ.ค. 2568
- “นฤมล” เผยสั่งปิดโรงเรียน 641 แห่งใน 5 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำความปลอดภัยเด็ก–ครูต้องมาก่อน รอดูสถานการณ์ก่อนเปิดเรียนอีกครั้ง 8 ธ.ค. 2568
- สอวช. ร่วมกับ ศูนย์บริการวิชาการจุฬาฯ จัดเวทีระดมความเห็นร่างทิศทาง กลยุทธ์ อววน. เดินหน้ามุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ 8 ธ.ค. 2568
ข่าวในหมวดการศึกษา ![]()
"สมเด็จพระมหาธีราจารย์" ผู้แทนสมเด็จพระสังฆราชในการประทานประทานปริญญาบัตร มจร ปี 2568 "ดอกอ้อ ทุ่งทอง" คว้าปริญญาโทพุทธจิตวิทยา เตรียมเข้ารับ 7 ธ.ค.นี้ 20:06 น.- สสวท. เปิดรับสมัครพนักงาน 8 อัตรา 16:01 น.
- สมเด็จพระมหาธีราจารย์เปิดการประชุมใหญ่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ครั้งที่ 31 ณ หอประชุมนวมภูมินทร์ วชิราวุธวิทยาลัย 13:48 น.
- วว. พัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เปปไทด์ที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพระดับกึ่งอุตสาหกรรม 11:01 น.
- "พระเทพรัตนนายก" เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2568 08:51 น.


