เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ผศ.ว่าที่ ร.ต.ดร.ณฐภัทร ถิรารางค์กูล มอบหมายให้ ผศ.สมชาย บุญคงมาก รองคณบดีฝ่ายบริหาร และผศ.จุไรพร ชีพประสพ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ทำหน้าที่แยกกันลงพื้นที่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้านกฎหมายจากน้ำทะเลหนุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ศึกษา พื้นที่ ต.คลองฉนาก อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้กิจกรรม การรับฟังปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้านกฎหมายจากน้ำทะเลหนุนในพื้นที่ ต.คลองฉนาก บ้านบางหมก ม. 3 ต.คลองฉนาก อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี

โดยมี ผศ.สมชาย บุญคงมาก, ผศ.จุฑารัตน์ เหล่าพรามณ์, ผศ.พรอุมา วงศ์เจริญ, อ.ทศพร จินดาวรรณ, ผศ.ดร.พรทิพย์ วิมลทรง ซึ่งมีนายประสิทธิ์ นิลเวช ผู้ใหญ่บ้าน และนายศุภกร บุญญรัตน์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองฉลาก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบเกี่ยวกับน้ำทะเลหนุน สร้างความเสียหายเกี่ยวกับพืชผลด้านการเกษตร ปัญหาการเดินทางคมนาคม และความเสียแก่ทรัพย์ภายในบ้าน ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางคณะนิติศาสตร์จะได้นำไปสู่การวิเคราะห์ เพื่อประสานไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขต่อไป
    
อีกหนึ่งพื้นที่เป็นโครงการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนท้องถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน ภายใต้กิจกรรมการรับฟังปัญหาการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนท้องถิ่นเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน ณ ศาลาประชาคมหมู่บ้าน บ้านปลายคลอง ม.3 ต.บางใบไม้ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ. สุราษฎร์ธานี โดย ผศ.จุไรพร ชีพประสพ, ผศ.สุชาดา ศรีใหม่, ผศ.ดร. พรวิไล อุ้ยดำรงธรรม, รศ.สิทธิกร ศักดิ์แสง, ผศ.ดร.ภูภณัช รัตนชัย และน.ส.พนอมพรรณ ทัดทอง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือในด้านข้อมูลอย่างดียิ่งจาก นางสาวจรัญญา ศรีรักษ์ กำนันตำบลบางใบไม้, นางจันทิรา คงชุม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 และผู้นำชุมชนหลายฝ่าย พร้อมด้วยพี่น้องชาวบ้าน ซึ่งปัญหาที่คณะนิติศาสตร์ได้รับข้อมูลในพื้นที่นี้ คือ ปัญหาการปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ และปัญหาการสร้างความเข้าใจระหว่างชุมชนดั้งเดิมกับชุมชนใหม่ และทางคณะนิติศาสตร์ได้สัญญากับทุกฝ่ายว่าจะยินดีแก้ไขร่วมกันกับชุมชนดังกล่าวอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยขอตั้งจุดเริ่มต้นที่การมีส่วนร่วมภายในชุมชนด้วยกันเอง ร่วมกันจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อให้เห็นถึงความต้องการแก้ไขปัญหาของชุมชนอย่างแท้จริงและจะไม่ยอมให้ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ใช้สิทธิเรียกร้องไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดดเดี่ยวตามลำพัง ซึ่งจะเป็นไปตามพุทธสุภาษิตที่ว่า “สุขา สังฆัสสะ สามัคคี” หมายถึง ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะ นำมาซึ่งความสุข” เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ชุมชนและลูกหลานได้อยู่อย่างยั่งยืนต่อไป