สถ.ชูอบจ.ระยองต้นแบบบริหารจัดการขยะเยี่ยม!

สถ.ชูอบจ.ระยองเป็นต้นแบบการบริหารจัดการขยะปลายทางที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ มีโรงคัดแยกขยะสมบูรณ์แบบ ฝากเป็นกำลังสำคัญรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวและมีจิตสำนึก เพื่อความผาสุขประเทศชาติ

วันที่ 2 มิถุนายน 2561 เวลา 14.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยนายธนา ยันตรโกวิท รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้บริหารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลงพื้นที่จังหวัดระยอง เยี่ยมชมระบบการกำจัดขยะของศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรจังหวัดระยอง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การต้อนรับ และมีนายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองนำเสนอรายละเอียดโครงการฯ ณ ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรจังหวัดระยอง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ตำบลน้ำคอก อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง

นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรนี้ประกอบไปด้วยโรงคัดแยกขยะ บ่อฝังกลบ โรงหมักปุ๋ย/biogas บ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งสามารถจัดการขยะมูลฝอยได้ทุกประเภท เนื่องจากมีปริมาณขยะมูลฝอยมีเข้ามาในปริมาณมากทุกวัน ทำให้บ่อฝังกลบเริ่มเต็ม รองรับขยะเข้าใหม่ได้แค่อีก 6 เดือน และไม่สามารถรองรับขยะในระยะยาวได้ ทาง อบจ.ระยองจึงมีแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตเชื้อเพลิง RDF และก่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง RDF โดยการร่วมทุนจากภาคเอกชน เพื่อให้สามารถรองรับการกำจัดขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครบวงจร คุ้มค่ากับการลงทุน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการกำจัดขยะมูลฝอย และยังให้ความสำคัญกับการจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ โดยมีระบบจัดการน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ และมีการจัดกิจกรรม CSR กับภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรแห่งนี้ รับกำจัดขยะมูลฝอยอยู่ที่ราคา 250 บาท/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ในประเทศไทย ก็ต้องขอบคุณท่านปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ที่ได้ช่วยขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะของจังหวัดระยองได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ

จากนั้นในที่ประชุมศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรจังหวัดระยอง นายสุทธิพงษ์ ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเข้าใจร่วมกันคือเรื่องขยะไม่ใช่แค่เป็นวาระแห่งชาติเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของโลกด้วย เพราะขยะในประเทศไทยนั้นส่งผลให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าของขยะทุกวินาทีนั้นมีผลต่อภาวะก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดโลกร้อน ส่งผลให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายมากขึ้น ทำให้อากาศแปรปรวนมากขึ้น ท้ายที่สุดคนบนโลกก็เดือดร้อนหรืออาจสิ้นเผ่าพันธุ์ได้ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาขยะจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข ทั้งตั้งแต่ต้นทางคือ ตั้งแต่ตัวเรา ที่ต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกให้เป็นมนุษย์ 3Rs รู้จักวิธีดำเนินชีวิตที่จะใช้สิ่งที่จะเป็นขยะให้น้อยลง(reduce) ของสิ่งใดนำมาใช้ซ้ำได้(reuse) ของสิ่งใดสามารถนำไปผลิตเพื่อเป็นของใช้ใหม่ได้ (recycle) ก็ขอให้ช่วยกันคัดแยกขยะ โดยเฉพาะการคัดแยกขยะเปียกหรือขยะอินทรีย์ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ขยะเหม็น ก็ขอให้ท่านนายก อบจ.เป็นผู้นำพา นายก อบต. นายกเทศมนตรี ช่วยขับเคลื่อนส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนจัดทำถังขยะเปียกหรือถังขยะอินทรีย์ไว้ประจำบ้าน เพื่อนำเศษอาหาร ใบไม้ใบหญ้ามาทำเป็นปุ๋ยหมักในถังขยะเปียก ตามแนวทางที่ ดร.ปฤถา พรหมเลิศ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยได้รณรงค์ให้ทุกจังหวัดช่วยกันทำตามต้นแบบของชุมชนบ้านป่าบุก ตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว หรือที่ชุมชนการเคหะบ้านวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง

ได้ทำไว้ ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ตั้งเป้าหมายว่าภายในเดือนกันยายนนี้ จะมีถังขยะเปียกร้อยละ 80 ของครัวเรือนทั่วประเทศ ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนว่าทุกคนล้วนเป็นผู้ผลิตขยะ ดังนั้น การบริหารจัดการขยะที่ปลายทางที่ทาง อบจ.ระยองทำอยู่ คือการร่วมทุนกับภาคเอกชนให้มาตั้งโรงกำจัดขยะ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องแก้ไขปัญหาขยะที่ทุกคนช่วยกันสร้างที่ดีทีสุดที่มีผลพลอยได้เป็นไฟฟ้า การจ่ายค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะ คือการช่วยกันกำจัดขยะ นอกจากนั้น หากจะมีการนำผลพลอยได้จากการกำจัดขยะคือรายได้จากการขายไฟฟ้าบางส่วนมาช่วยทำโครงการเพื่อสังคมเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานหรือปลูกป่า ทำสวนสาธารณะเพิ่มปอดให้กับชุมชน ก็เป็นอีกส่วนที่ขอให้ทาง อบจ.ระยองได้พิจารณาทำควบคู่ไปด้วยก็จะยิ่งดีต่อประเทศชาติประชาชน 

ในตอนท้ายนายสุทธิพงษ์ ได้ชมเชยทาง อบจ.ระยอง ว่าเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการขยะปลายทางที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ มีทั้งการกำจัดขยะพิษ มีโรงคัดแยกขยะเพื่อจัดทำเป็นขยะ RDF ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ควรค่าแก่การยกย่องให้เป็นต้นแบบ พร้อมทั้งขอเป็นกำลังใจให้อดทนในการรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวและมีจิตสำนึก เกิดการตื่นตัวที่ต้นทางให้มากที่สุด เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตของเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าที่เป็นอยู่