วันอังคาร ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 13:19 น.

การเมือง

โฆษกกต.ระบุการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากจีนมาไทย สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่พิเศษอย่างยิ่ง

วันเสาร์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 17.49 น.

ทั้งการเป็นมหามิตร และการเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างจีนและไทย ขณะที่ "ชูศักดิ์-นิยม" ประชุมเตรียมพร้อมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้วจาากจีนกำหนด 5 โซนนิทรรศการ 

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567  นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึง การที่ประเทศไทย เตรียมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานชั่วคราวที่มณฑลพิธีทองสนามหลวง ให้ประชาชนชาวไทยได้กราบไหว้สักการะ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแนบแน่นระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากประเทศจีนไม่ได้อนุญาตให้ประเทศใด อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว จากประเทศจีนเป็นเวลานานแล้ว แต่ด้วยสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นของจีนและไทย และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประกอบกับโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ระหว่างจีนและไทย จึงเอื้ออำนวยให้สามารถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มายังประเทศไทยได้

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ทางการจีนได้เน้นย้ำกับฝ่ายไทย ว่าการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว มาไทยในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่พิเศษอย่างแท้จริง แสดงถึงความเป็นมหามิตรระหว่างกัน เป็นบ้านพี่เมืองน้องที่มีความใกล้ชิด รวมถึงทางการจีน ก็ทราบดีว่าไทยให้ความเคารพอย่างสูงสุดต่อพระบรมสารีริกธาตุด้วย

"ชูศักดิ์-นิยม" ประชุมเตรียมพร้อมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้วจาากจีนกำหนด 5 โซนนิทรรศการ

ทั้งนี้เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุม 109 ชั้น 1 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว มี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร"ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย

 นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ได้มีมติเห็นชอบให้รับโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการฯ ในภาพรวม และดำเนินการเตรียมความพร้อมของสถานที่และการบริหารจัดการในภาพรวม ณ ท้องสนามหลวง

 "ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เห็นชอบร่วมกัน ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี 2568

 ในการนี้ การจัดพิธีการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว กำหนดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ประดิษฐานที่มณฑปท้องสนามหลวง ในวันที่ 4 ธันวาคม 2567 เวลา 18.00 น. โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และมีสมเด็จพระราชาคณะ ซึ่งกรรมการมหาเถรสมาคมมอบหมาย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

 ทั้งนี้ ในวันดังกล่าว เวลา 17.00 น. รัฐบาลได้จัดให้มีริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จำนวน 19 ริ้วขบวน จากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ไปยังท้องสนามหลวง
 ในส่วนของการจัดงาน ได้จัดให้มีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จำนวน 5 โซน ประกอบด้วย

โซนที่ 1 "ดับขันธปรินิพพาน มกุฎพันธนเจดียสถาน" นำเสนอเรื่องราวพุทธประวัติในการประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จปรินิพพาน โดยเน้นในช่วงพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน

 โซนที่ 2 "พุทธะบารมีพระสรีระธาตุ" นำเสนอเรื่องราวประวัติของพระสรีระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุที่ได้อัญเชิญไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก

 โซนที่ 3 "พระเขี้ยวแก้ว" นำเสนอเรื่องราวประวัติ ความสำคัญ และความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ(พระเขี้ยวแก้ว)

 โซนที่ 4 "ใต้ร่มเศวตฉัตร ทศมรัช พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" เป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยที่ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกและมีพระราชศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนา สืบสานราชประเพณีสืบเนื่องมาจนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ

 โซนที่ 5 "ความสัมพันธ์ ไทย-จีน" นำเสนอเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญที่สร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนในด้านต่าง ๆ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ส่งเสริมคำว่า "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน"

ในโอกาสนี้ ได้เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2567 - 14 กุมภาพันธ์ 2568 กำหนดเวลาตั้งแต่ 07.00 - 20.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมดอกไม้สักการะสำหรับประชาชน จึงขอเชิญชวนประชาชนกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเวลาดังกล่าวต่อไป

หน้าแรก » การเมือง