วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 10:42 น.

การเมือง

"วิสาร" ชี้อาจมี "ใบแดง" เลือกนายก อบจ.เชียงราย หลังพบหลักฐานกล้องวงจรปิดที่เชื่อมโยงทุจริตเลือกตั้ง

วันพฤหัสบดี ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568, 20.43 น.

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568   นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้ช่วยหาเสียง อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย โดยระบุว่าจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พาน ร่วมกับชุดเคลื่อนที่เร็วของ กกต. และฝ่ายปกครอง พบว่ามีกลุ่มบุคคลพัวพันกับการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.เชียงราย ซึ่งมีการตรวจยึดธนบัตรไทยรวมเป็นจำนวน 567,100 บาท  

เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อเวลาประมาณ 09:45 น. เจ้าหน้าที่พบ นาย อ. (นามสมมุติ)  ขับรถยนต์มาสด้าสีขาวมาจอดที่หน้าร้านกาแฟ ในเขตเทศบาลตำบลเมืองพาน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ต่อมาในเวลา 19:45 น. เจ้าหน้าที่พบชายวัยรุ่น 2 คน ขับรถจักรยานยนต์สีขาวหรือสีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดบริเวณหน้ารถกระบะ โดยมีนาย พ. (นามสมมุติ) ถือถุงกระสอบลายการ์ตูนสีแดงขึ้นรถยนต์ดังกล่าว  

เจ้าหน้าที่แสดงตัวและขอตรวจค้น พบว่าภายในถุงกระสอบมีซองกระดาษสีน้ำตาลจำนวน 18 ซอง แต่ละซองมีการเขียนรายชื่อหมู่บ้านและตัวเลขกำกับไว้ ภายในซองบรรจุธนบัตรไทยฉบับละ 1,000 บาท, 500 บาท, 100 บาท และ 50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 567,100 บาท นอกจากนี้ยังพบเอกสารบางส่วนวางอยู่บนเบาะรถยนต์ ระหว่างการตรวจค้น นาย อ. (นามสมมุติ) ได้ปรากฏตัวที่บริเวณหน้าร้านกาแฟ ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปทางด้านหลังร้าน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านกาแฟและเปรียบเทียบกับภาพถ่ายในทำเนียบผู้บริหาร อบจ.เชียงราย พบว่านาย อ. (นามสมมุติ) อาจเป็นบุคคลเดียวกับในภาพ  

นายวิสารกล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้มีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงตัวการสำคัญ เพื่อซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งถือเป็นการดูถูกประชาชนชาวเชียงราย และหวังผลเพื่อการทุจริตคอร์รัปชันในภายหลัง อันจะส่งผลให้จังหวัดเชียงรายไม่สามารถพัฒนาได้  

นายวิสาร จากหลักฐานดังกล่าวเชื่อได้ว่าผู้สมัครนายก อบจ. และกลุ่มที่เกี่ยวข้องอาจถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้งด้วย “ใบแดง” ซึ่งหมายถึงการประกาศให้แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งมีโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 56(1) กรณีการซื้อสิทธิขายเสียง โดยบทลงโทษมีดังนี้  

1. จำคุกไม่เกิน 10 ปี    2. ปรับ 20,000 ถึง 200,000 บาท   3. ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี  

นายวิสารย้ำว่าการกระทำในลักษณะนี้เป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยและความเชื่อมั่นของประชาชน และหวังว่าทาง กกต. จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อความยุติธรรมและโปร่งใสในการเลือกตั้ง.
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง