​เมื่อวันที่ 9  พฤษภาคม 2568  นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการขนส่งสัญจรสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จังหวัดพิษณุโลก ประจำปีงบประมาณ 2568 เยี่ยมชมการจัดนิทรรศการด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน มอบหมวกนิรภัยและหนังสือรับรองผ่านการอบรมหลักสูตรการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากสำนักงานขนส่งจังหวัดพิษณุโลก ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ จำนวน 330 คน เพื่อส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยด้วยความปลอดภัย ณ หอประชุมนเรศวร โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายนพพล เหลืองทองนารา นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ นายจเด็ศ จันทรา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการขนส่งร่วมพิธีเปิด นางวรุณยุพา วิเศษสรรค์ ขนส่งจังหวัดพิษณุโลก กล่าวรายงาน

​นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม โดย กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้จัดสรรเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ดำเนินโครงการด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อส่งเสริม สนับสนุนการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และลดอัตราการเสียชีวิตจากการใช้รถใช้ถนน สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ สำนักงานขนส่งจังหวัดพิษณุโลกและโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ได้จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนใช้ถนนอย่างปลอดภัย มีผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย กลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะในการเดินทาง โดยผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับความรู้ ความเข้าใจในการใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัย มีความรู้เรื่องกฎจราจร วิธีป้องกันอุบัติเหตุ มารยาทในการขับรถ รวมถึงการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การให้ความช่วยเหลือ และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกวิธี ทั้งยังช่วยส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยและได้รับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์ สัญญาณ เครื่องหมายต่าง ๆ ในการใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้อง ปลูกจิตสำนึก สร้างการตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยและนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดความเสี่ยง ทำให้การเกิดอุบัติเหตุลดน้อยลง ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาหน้าโรงเรียนชายพิษณุโลกพิทยาคมที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง กำชับให้กรมทางหลวงจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนเพื่อติดตั้งไฟสัญญาณจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนภายในเดือนตุลาคม 68

​จากนั้น ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการและรับฟังสรุปการพัฒนาระบบขนส่งทางราง TRAM ในพื้นที่ช่วงสถานีวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร แนวเส้นทางโครงการระบบขนส่งมวลชน จังหวัดพิษณุโลก สาย สีแดง (มหาวิทยลัยพิษณุโลก – ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก) ซึ่งมีระยะทางรวม 12.6 กิโลเมตร เส้นทางเริ่มต้นจากมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ผ่านสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 แนวเส้นทางมุ่งไปทางทิศเหนือตามแนวทางหลวงหมายเลข 126 บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณสี่แยกอินโดจีน จากนั้นแนวเส้นทางมุ่งไปยังทิศตะวันตกตามแนวทางหลวงหมายเลข 12 ผ่านสถานที่สำคัญ เช่น สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 เทคนิคพาณิชยการพิษณุโลก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น โดยสิ้นสุดแนวเส้นทางที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถไฟทางคู่และระบบการขนส่งทุกโหมดในจังหวัดพิษณุโลก คาดว่าผลการศึกษาโครงการจะแล้วเสร็จในปี 69 โดยโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย - นครสวรรค์ 280 กิโลเมตร วงเงิน 80,000 ล้านบาท ซึ่งจะขยายจากปัจจุบันที่ก่อสร้างแล้วเสร็จบริเวณปากน้ำโพ โดยช่วงที่ผ่านจังหวัดพิษณุโลกจะเป็นทางยกระดับเพื่อแก้ปัญหาการเดินทางในเมืองพิษณุโลกให้มีความปลอดภัยและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลดเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาจังหวัดพิษณุโลกเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 69 และจะแล้วเสร็จในปี 72

​สำหรับการยกระดับศักยภาพระบบคมนาคมขนส่งจังหวัดพิษณุโลก เส้นทางรถโดยสารสาธารณะเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ได้แก่ เส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิษณุโลก แห่งที่ 1 - วัดธรรมจักร - บ้านสระโคล่ ระยะทาง 7.4 กิโลเมตร โดยเริ่มต้นจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพิษณุโลกแห่งที่ 1 ผ่านโรงเรียนพุทธชินราชพิทยา ผ่านโรงเรียนผดุงราษฎร์ ผ่านชุมชนวัดอรัญญิก ผ่านชุมชนวัดธรรมจักร ผ่านชุมชนเต็งหนาม ไปสุดเส้นทางที่แยกไทยแอร์โร่วตลาดร่วมใจบ้านสระโคล่ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเพิ่มขีดความสามารถในการเดินทางภาพรวมของจังหวัดพิษณุโลกให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น