วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 08:45 น.

การเมือง

เดือดถึงเวทีโลก! กต.ประณามกัมพูชา ยิงรุนแรง–วางระเบิดซ้ำ แถลงกร้าว "ไม่ทนอีกต่อไป"

วันพฤหัสบดี ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 14.07 น.

กระทรวงต่างประเทศลั่น! พร้อมดำเนินมาตรการเข้ม หลังเหตุยิงถล่ม รพ.-พลเรือน สูญเสียต่อเนื่อง ชี้กัมพูชาทำลายหลักการเพื่อนบ้านที่ดี 

วันที่ 24 ก.ค. 2568 เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์ข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย - กัมพูชา ว่า ตามที่เมื่อวานนี้กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดการบรรยายสรุปกับคณะทูตเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา และได้ส่งหนังสือสองฉบับ คือ 1. หนังสือจากฝ่ายกัมพูชาเพื่อประท้วงเกี่ยวกับเหตุการณ์ไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 และ 2. หนังสือถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ ในฐานะประธานการประชุมภาคีอนุสัญญาออตตาวา รายงานการละเมิดพันธะสัญญาของกัมพูชาในฐานะรัฐภาคี โดยหลังจากฝ่ายไทยได้ยื่นหนังสือทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวรัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง ที่เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณปราสาทตาเหมือนธม จังหวัดสุรินทร์อีกครั้งมีการยิงจรวด BM 21 จำนวน 2 นัด เข้ามาในพื้นที่ชุมชนบริเวณศูนย์พัฒนาชายแดนพื้นที่กาบเชิงจังหวัดสุรินทร์เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 รายและขณะนี้เหตุการณ์โจมตีเป้าหมายทางการทหารยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ชายแดนโดยเฉพาะในพื้นที่ รพ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และสถานที่ต่างๆ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายราย

อีกทั้งเมื่อวานนี้ (23 ก.ค. 2568) ทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจำนวน 5 นาย โดย 1 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา จากการตรวจสอบเบื้องต้นจากกองทัพภาคที่ 2 คาดว่าเป็นทุ่นระเบิดที่เพิ่งถูกนำมาวางใหม่ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่ซ้ำซ้อนและเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์จากกรณีที่ทหารไทยอีกชุดหนึ่งประสบเหตุในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี

ตนเองจึงขออ่านแถลงการณ์ในนามกระทรวงการต่างประเทศ ต่อกรณีสถานการณ์ล่าสุด ว่ารัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทย เป็นผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 และเปิดฉากยิงตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทยในช่วงเช้าของวันนี้ และโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเช้านี้ รวมถึงเป้าหมายพื้นที่ที่เป็นพลเรือนโดยเฉพาะโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนั้นเมื่อคำนึงถึงความร้ายแรง จากการที่กัมพูชาจงใจกระทำเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลดระดับความสำคัญทางการทูต โดยเรียกทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศไทยและให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกัน

รัฐบาลไทยยังเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรงซ้ำๆ ขัดต่อหลักการความไม่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีและความสุจริตใจ อีกทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของกัมพูชา ในประชาคมโลก พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมทั้งยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะยกระดับมาตรการป้องกันตนเองหากกัมพูชายังคงไม่ยุติการกระทำที่เป็นการโจมตีทางอาวุธและละเมิดอธิปไตยของไทยตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ

ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อหารือสถานการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมจะพิจารณามาตรการและแนวทางในการดำเนินการในขั้นถัดไปของฝ่ายไทยอย่างรอบด้าน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพและดำเนินการไปพร้อมกันในด้านความมั่นคง ทางด้านการทูตการบริหารจัดการในพื้นที่ชายแดนตลอดจนมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน

ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน ช่องทางการสื่อสารออนไลน์อาจจะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและสร้างความแตกแยกโดยไม่ตั้งใจ กระทรวงการต่างประเทศขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายความมั่นคงเพื่อความสามัคคีของคนในชาติซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ไทยยังย้ำจุดยืนอยู่ไหมในการยึดจุดยืนการเจรจาหารือทวิภาคี นายนิกรเดช บอกว่า ตอนนี้หลักการดังกล่าวจะถูกนำเข้าไปพิจารณาการประชุมสภาความมั่นคงบ่ายนี้ ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของไทย ว่าทำไมเราต้องดำเนินการตามกฎระเบียบ ในขณะที่กัมพูชาคิดจะทำอะไรก็ได้นั้น นายนิกรเดช บอกว่า เป็นประเทศที่อยู่ภายใต้ยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ กฎระเบียบสหประชาชาติ และกฎของอาเซียน นั่นเป็นเหตุให้ไทยได้ใช้ความอดทนอดกลั้นถึงจุดนี้ วันนี้เราก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่เราได้ป้องกันตนเอง ซึ่งได้ดำเนินการอย่างสมเหตุสมผล เพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติ และปกป้องคนไทย

เมื่อสอบถามว่า ในกรณีที่เกิดขึ้น น่าจะทราบกันทั้งประชาคมอาเซียน และทั่วโลกแล้ว ในขณะนี้มีประเทศต่างๆ ในอาเซียน ได้มีความพยายามที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาตรงนี้หรือไม่ นายนิกรเดช บอกว่า ยังไม่มี จากที่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ที่มีการปัญหาการเกิดขึ้น ในชั้นนี้ยังไม่ได้มีการเรียกร้อง หรือขอร้องจากประเทศในอาเซียนใดๆ ก็ตามที่จะเข้ามาขอมีบทบาท

นายนิกรเดช ยังได้ตอบคำถามสื่อ ถึงแนวทางการดำเนินการความสัมพันธ์ทางการทูตว่าหากจะมีการยกระดับจะเป็นอย่างไรต่อว่า ในการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูต เราสามารถลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในวันนี้เราได้เริ่มดำเนินการมาตรการที่เรียกทูตไทยกลับประเทศ และได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชา เรียกทูตกลับ อาจเป็นมาตรการลดระดับทางการทูต ซึ่งก็อยากเปิดช่องให้ข้าราชการที่เป็นนักการทูตยังมีช่องทางในการหารือได้อยู่ รวมถึงการดูแลคนไทยที่อยู่ที่กัมพูชา

เมื่อตัดความสัมพันธ์การทูต ช่องทางในการพูดคุยติดต่อ และลดแรงกดดันที่อยู่ระหว่างสองฝ่าย จะถูกปิดประตูออกไป ทำให้การเจรจาหาจุดร่วม หรือให้มีความสงบเกิดขึ้น เป็นไปได้ยาก ตัวเลข คนไทยที่กัมพูชา เคยมีอยู่ประมาณ 1,000 คน แต่ตอนนี้ส่วนหนึ่งได้กลับไปแล้ว ทางสถานเอกอัครราชทูตกำลังเช็กตัวเลขล่าสุดอยู่ ก็เป็นหลักหลาย 100 คน

ขณะที่ทาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ที่นิวยอร์ก ได้พบกับประธานของคณะมนตรีความมั่นคง ของเดือนนี้ คือปากีสถาน และของเดือนหน้า คือ ปานามา ก็ได้พบเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน อีกทั้งวันนี้นายมาริษ ยังได้พบกับเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงผู้แทนประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น รัสเซีย และประเทศอื่นๆ ด้วย

ยืนยันว่ากระทรวงดำเนินการอย่างเต็มที่ ทูตทุกท่านได้รับแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ของไทยในเวทีโลกพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นการดำเนินการของเราไม่ได้อยู่แค่เวทีสหประชาชาติ แต่ยังดำเนินการระหว่างประเทศที่เรามีความสนิทสนมด้วยทั้งหมด
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง