เมื่อวันที่  14 ส.ค.2568  นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นต่อมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ว่า ถือเป็นการดำเนินการที่พรรคเพื่อไทยได้เรียกร้องและผลักดันมาหลายครั้ง แม้จะล่าช้าจนเศรษฐกิจชะลอตัวไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่มีการปรับลดใดๆ เลย 

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะส่งผลเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจในหลายมิติ ทั้งการกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมลดลง ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนตัดสินใจกู้เงินเพื่อนำไปลงทุนหรือจับจ่ายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ลดภาระดอกเบี้ยของผู้ที่มีหนี้สินเดิมแบบดอกเบี้ยลอยตัว และจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงยังเอื้อต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยมีแนวโน้มทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง สินค้าส่งออกมีความสามารถแข่งขันเพิ่มขึ้น และเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันยังเป็นสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและตลาดการเงิน

ประธาน กมธ.การเงินฯ ยังระบุว่า กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง ได้แก่ 

เกษตรกร: ลดภาระดอกเบี้ยสินเชื่อจากธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส. สามารถกู้ทุนซื้อปัจจัยการผลิตในราคาถูกลง และเพิ่มโอกาสลงทุนเพื่อขยายการผลิต 

ประชาชนทั่วไป: ผู้กู้สินเชื่อบ้านหรือรถแบบดอกเบี้ยลอยตัวจ่ายค่างวดลดลง เพิ่มกำลังซื้อและความสามารถในการบริโภค

ภาคธุรกิจ: ลดต้นทุนทางการเงิน กระตุ้นให้โครงการลงทุนที่ชะลอตัวกลับมาเดินหน้า และเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

ตลาดการเงิน: นักลงทุนมีแรงจูงใจย้ายเงินจากการฝากดอกเบี้ยต่ำกว่าไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้น

“แม้จะช้าไปบ้าง แต่การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ยังมีคุณค่าต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และสะท้อนว่าการเรียกร้องจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา มาจนถึงรัฐบาลแพทองธาร เริ่มเห็นผล” นายณัฐพงษ์กล่าว พร้อมย้ำว่า พรรคจะยังคงติดตาม และผลักดันนโยบายทางการเงินที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง