วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 02:28 น.

การเมือง

"อนุทิน" นำภาคีเครือข่ายลงนาม MOU ประกาศสงครามสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ ย้ำเดินหน้าสร้างประเทศไทยปลอดภัย  

วันพฤหัสบดี ที่ 06 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 14.06 น.

เมื่อวันที่ 6  พฤศจิกายน 2568    เวลา 10:00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ โดยมี รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และสื่อมวลชน ร่วมในงาน ในการนี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงนาม โดยมี นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลและข้าราชการผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ได้มาร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ที่ได้รวมพลังและประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์ 

"สงครามนี้เป็นสงครามที่เราจะต้องชนะให้ได้เท่านั้น เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนทุกคนจากภัยของเหล่าสแกมเมอร์ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อมีเพียงคนหนึ่งตกเป็นเหยื่อ ครอบครัวทั้งครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกาย จิตใจ และชีวิตความเป็นอยู่ คนจำนวนมากต้องเผชิญความทุกข์ ความเครียดอย่างแสนสาหัส ศักยภาพและชื่อเสียงของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ภาพลักษณ์ของประเทศถูกบั่นทอน ความเชื่อมั่นในประเทศไทย ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ความเสียหายที่เกิดจากภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีมากมายจนไม่อาจประเมินค่าได้ นี่คือภัยคุกคามความมั่นคงอันดับต้นๆ ของประเทศ รัฐบาลจึงประกาศอย่างชัดเจนว่า อาชญากรรมทางเทคโนโลยีคือวาระแห่งชาติ ที่ต้องได้รับการแก้ไข ป้องกัน และปราบปรามให้หมดสิ้นไป" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณผู้บริหารทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทุกท่านที่ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจในวันนี้ สิ่งที่เราได้ลงนามร่วมกัน ไม่ใช่เพียงเอกสาร แต่คืออาวุธ ที่จะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบ เพราะนี่ไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หากแต่เป็นภารกิจร่วมกันของประเทศ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ทั้งงบประมาณ เทคโนโลยี นโยบาย และทรัพยากร เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอาชญากรรมออนไลน์ เห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งในระยะสั้นและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสแกมเมอร์ และเป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรมทุกรูปแบบ ประเทศไทยต้องปลอดภัยจากสแกมเมอร์ให้ได้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับนี้ มีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ 

1. การบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งต่อผู้กระทำความผิดและผู้สนับสนุนเบื้องหลัง 2. การสร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรองและการสืบสวน 3. การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที ตัดเส้นทางการเงินของอาชญากร ไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงิน 4. การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ ป้องกันก่อนเกิดเหตุ และ 5. การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนมีความรู้เท่าทัน แจ้งเบาะแส และช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
"ภาพที่เห็นในวันนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง และวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า “ไม่มีใครจะนิ่งเฉยต่อภัยอาชญากรรมที่ทำร้ายประเทศไทยได้อีกต่อไป” ผู้บริหารทุกท่านที่มาร่วมในวันนี้ทุกท่านมีเจตนารมณ์แน่วแน่ในการร่วมกันปกป้องพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างแท้จริง" นายอนุทิน กล่าวในช่วงท้าย

ด้านนายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสงครามกับอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก และกำหนดให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติและเป็นนโยบายหลักสำคัญของรัฐบาล ซึ่งทุกภาคส่วนต้องบูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชนและนานาชาติ

กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่มีองคาพยพในทุกระดับ มีความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองโดยใช้กลไกของจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขับเคลื่อนมาตรการเพื่อยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ บูรณาการดำเนินการอย่างเข้มข้น ทั้งเชิงรุกและเชิงป้องกัน พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติสำคัญ ได้แก่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอจัดทำแผนศึกษาสภาพปัญหาและกำหนดแผนปฏิบัติการให้เหมาะสมกับพื้นที่ จัดตั้งชุดปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค และบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการข่าว การสืบสวน และการประชาสัมพันธ์ อีกทั้งได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองในทุกระดับ ดำเนินการตรวจตรา สืบสวน ขยายผล และบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยไม่มีการละเว้น พร้อมมอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและอำเภอทำงานเชิงรุก รับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาแก่ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ รวมถึงช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM)

ทั้งยังเน้นบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ร่วมสอดส่อง เฝ้าระวัง ป้องกันไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ตกเป็นเหยื่อ ตลอดจนเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมจุดผ่านแดน โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นเส้นทางผ่านของกิจกรรมผิดกฎหมาย ทั้งนี้ หากพบว่าบุคคลที่ได้รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ กระทำผิดเงื่อนไข กระทรวงมหาดไทยจะพิจารณาถอนสัญชาติอย่างเด็ดขาด

กระทรวงมหาดไทยมุ่งสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนมีความเข้าใจเท่าทันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ด้วยการเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัล (Digital Literacy) และเผยแพร่ความรู้ผ่านทุกช่องทางของรัฐ พร้อมให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุผ่านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านได้โดยตรง ทั้งนี้ เราจะบูรณาการและติดตามการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการทั้ง 4 ชุด เพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างครบวงจร สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและเสริมภาพลักษณ์ความมั่นคงของประเทศในทุกมิติ

การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในวันนี้ มี 14 หน่วยงานเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย สำนักงาน ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ท. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน กสทช. สำนักงาน กลต. กรมสอบสวนคดีพิเศษ สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการบูรณาการข้อมูลและมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง