เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 2 เมษายน 2565 ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนี้ ที่ จ.ปราจีนบุรี นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางมัทนา สุวัณณุสส์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดปราจีนบุรี ได้น้อมนำโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  มาขยายต่อยอดสู่กิจกรรมตามแผนปฏิบัติการ 90 วัน ทำการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร  โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่24 มกราคม 2565  ใช้ที่ว่างบริเวณหลังจวน ทำเป็นแปลงเกษตรและผักนานาชนิด  ทั้ง  แปลงปลูกถั่วฝักยาวสีม่วงสิริน , โรงเรือนปลูกผักสลัด , แปลงกระเพรา,  ข่า ,  โหระพา, แมงลัก, มะละกอ, มะนาว, พริก ,  มะเขือเปราะ,มะเขือเทศ, แปลงกล้วย ,ชะอมตามแนวรั้ว เพื่อ เป็นแบบอย่างของการปรับตัวกับสถานการณ์โควิด -19   เป็นตัวอย่างให้หลายคน  ได้ผ่านช่วงวิกฤตินี้   และสามารถใช้ชีวิตกับการทำเกษตร สร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองได้ต่อไป นำพาชาวบ้านให้ทุกครัวเรือนได้ปลูกผักสวนครัว   เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารช่วงโควิด-19 ระบาด

 

 

และล่าสุด ได้ส่งมอบ “เมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธร” ซึ่งเป็นผลผลิตจากการต่อยอดจากน้อมนำแนวพระราชดำริฯ   จากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี จนนำไปสู่ บ้านพักรองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี บ้านพักปลัดจังหวัดปราจีนบุรี บ้านพักหัวหน้าสำนักงานจังหวัดปราจีนบุรี และ  บ้านพักนายอำเภอ ด้วย

 

 

วันที่ 2 เม.ย. นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางมัทนา สุวัณณุสส์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดปราจีนบุรี      ได้นำมาชม โครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง ในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านหลังจวนบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี

 

 

นายวรพันธ์ กล่าวว่า โครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองเป็นโครงการปลูกผักสวนครัว ของกลุ่มชมรมแม่บ้านมหาดไทยที่ได้เข้าร่วมโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง เป็นพืชพันธุ์พระราชทานโดยพระเทพ ทรงพระราชทานพระราชทาน โดยเฉพาะถั่วฝักยาวสีม่วงที่ได้นำมาปลูก ส่วนผักต่างๆก็แล้วแต่ว่าเราจะปลูกผักอะไร  โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง เป็นโครงการพระราชดำริของพระเทพฯโดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย-ชมรมแม่บ้านมหาดไทย โครงการนี้เป็นโครงการสืบสานต่อยอดเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นพริก โหระพา ผักสวนครัวต่างๆ ที่นำมากินได้ เป็นโครงการขยายผลจะนำไปในทุกชุมชนทุกหมู่บ้านในทุกพื้นที่ ต่อไป

 

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวต่อไปว่า โดยเฉพาะผักสวนครัว ทำให้คนไทยลดรายจ่ายจากการซื้อผักมาบริโภคในระดับครัวเรือน โดย 1 ครัวเรือนสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 50 บาท/วัน ถ้า 12 ล้านครัวเรือนจะลดรายจ่ายวันละ 600 ล้านบาท หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะทำให้ครัวเรือนมีเงินเก็บไว้ใช้สอยในสิ่งจำเป็น ขณะเดียวกันคนไทยก็มีผักรับประทานตลอดทั้งปี เป็นทั้งอาหารและยาวิเศษ คือ ผักปลูกเองอุดมด้วยสารอาหารและวิตามินที่ส่งผลดีต่อสุขภาพผู้บริโภค ปลอดสารปนเปื้อน ไร้สารพิษ เท่ากับเป็นการส่งเสริมสุขภาพของคนไทยไปในตัว ครอบครัวเกิดความรักความอบอุ่นจากที่ได้ร่วมกันทำกิจกรรมการปลูกผัก มีความผูกพันในครอบครัว มีอาหารที่พอเพียง เหลือก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน เป็นสังคมแห่งความเอื้อเฟื้อ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 และส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็งมีความมั่นคงทางอาหารขจัดหิวโหยให้หมดไปซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ