อำเภอเมือง / ชาวกัมพูชาที่เกิดอุบัติเหตุหมู่ ในฝั่งกัมพูชา ถูกนำมารักษาที่โรงพยาบาลฝั่งบุรีรัมย์ หลังจากเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 5 คน จากทั้งหมด 16 คน อาการสาหัส 7 ล่าสุดเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ผู้ว่าฯย้ำฝากถึงพี่น้องชาวกัมพูชา ให้อุ่นใจ ชาวไทยจะดูแลผู้บาดเจ็บที่เหลือให้ดีที่สุดเหมือนคนไทย แนะคนใช้รถถ้าง่วงไปไม่ไหว ให้จอดได้ทุกสถานที่ราชการไม่ควรฝืน

วันที่ 13 เม.ย.67 กรณีชาวกัมพูชา ข้ามมาซื้อสินค้าฝั่งไทยฝั่งจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเอาไปฉลองเทศกาลสงกรานต์ฝั่งกัมพูชา ขากลับเกิดอุบัติเหตุรถไถนาแบบนั่งขับพ่วงกระบะท้าย เสียหลักตกทางลาดชันบริเวณโค้งตาจรู๊ก ในเขตฝั่งกัมพูชา ห่างจากจุดชายแดนไทยประมาณ 5 กม.

ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 5 ศพ จากผู้โดยสารทั้งหมด 16 คน ที่เหลือส่งมารักษาที่ฝั่งจังหวัดบุรีรัมย์ทั้งหมด มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ 7 ราย ที่เหลือรักษาที่โรงพยาบาลบ้านกรวด และโรงพยาบาลประโคนชัย รวม 4 ราย

ล่าสุด น.ส สารัด กิมเลียง อายุ 25 ปี ตั้งครรภ์ได้ 18 สัปดาห์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่ รพ.บุรีรัมย์ เพิ่มอีก 1 รายรวมมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์นี้ 6 ราย ที่เหลือยังไม่พ้นขีดอันตรายหมอดูแลอย่างใกล้ชิด

นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อม นางวาทิณี โฆษาศิวิไลซ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ และ นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บเพื่อให้กำลังใจที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์

โดยนายนฤชา กล่าวหลังการเยี่ยมผู้บาดเจ็บว่า ในห้วง 7 วันอันตราย ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีอุบัติเหตุใหญ่แล้ว 2 ครั้ง เกิดเหตุประเทศเพื่อนบ้านแต่เข้ามารักษาในเมืองไทย 1 ครั้ง และเกิดเหตุในเขตรอยต่อ อ.บ้านด่านกับ อ.สตึก บุรีรัมย์อีก 1 ครั้ง

นายนฤชา กล่าวอีกว่า ถึงแม้คนบาดเจ็บจะเป็นชาวฝั่งประเทศกัมพูชา แต่เราจะดูแลอย่างดีที่สุดให้เหมือนกับคนไทย ฝากถึงชาวประเทศกัมพูชาว่าไม่ต้องเป็นห่วง คนไทยจะดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มความสามารถ

นายนฤชา กล่าวต่อว่าตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ จนท.ทำงานตลอด 24 ชม. ส่วนหนึ่งอยากจะฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนน ไม่ควรจะฝืนหากรู้สึกง่วง หรือไปต่อไม่ได้ด้วยประการใดประการหนึ่ง ให้จอดพักตามจุดที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ หรือหากไม่มีจุดที่พักให้แวะตามสถานที่ราชการได้ทุกแห่ง เพราะได้ประสานขอความร่วมมือเอาไว้แล้ว